นายมนัส บุญจำนงค์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก พร้อมด้วยทนายความได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีหลอกขายล็อกเตอรี่ โดยเจ้าตัวไม่ขอพูดหรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ กับผู้สื่อข่าว
ส่วนทางด้านนายอานนท์ พินิจกุล ซึ่งเป็นผู้เสียหายได้เปิดเผยว่า รู้จักกับนายมนัสผ่านเพื่อนๆ ที่เป็นกลุ่มเตะบอล ซึ่งโดยปกติเพื่อนของตนเองจะมีกิจกรรมรวมตัวเตะบอลเป็นประจำ ซึ่งเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.63 นายมนัส ได้เข้ามาร่วมในกลุ่มด้วย และมีการชักชวนเพื่อนคนอื่นซื้อสลาก โดยอ้างว่าตนเองได้โควต้าสลากมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นโควต้าของนายสมรักษ์ คําสิงห์ ตนจึงสนใจและติดต่อซื้อสลากกับนายมนัส ซึ่งตนมีการซื้อขายกันมาจำนวน 3 งวด งวดแรกมีการจ่ายเงินและได้สลากจริง แต่งวดที่ 2 และ 3 มีการจ่ายเงินไปรวมกว่า 1,452,000บาท ต่อมานายมนัสอ้างว่าหาสลากไม่ได้ และไม่ยอมคืนเงินให้ โดยอ้างว่าถูกโกงจนไม่สามารถนำเงินมาคืนได้ แต่ก็จะพยายามหาเงินมาคืนให้ ก่อนหน้านี้มีการผลัดการคืนเงินหลายครั้ง จนตนต้องตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดอนเมือง ซึ่งในตอนนั้นมีการไกล่เกลี่ยกันโดยนายมนัส ยอมที่จะคืนเงินให้ โดยมีการจ่ายเช็คจำนวน 3 ใบ แต่ปรากฎว่าเช็คที่จ่ายออกมาไม่สามารถขึ้นเงินได้(เช็คเด้ง)
ส่วน นายเอกไท จีระตระกูล ผู้เสียหายอีกคน เล่าว่าในกรณีของตนเองก็คล้ายกับกรณีแรก ซึ่งเหตุที่ตนเชื่อถือ และร่วมลงทุนด้วยนั้นมาจากการที่นายมนัส ซึ่งถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงระดับหนึ่งประกอบกับได้มีการอ้างถึงบุคคลคนที่มีชื่อเสียงอีกคน และมีการส่งรูปสลากจำนวนหนึ่งมาให้ดู เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือว่ามีสลากจริงๆ แต่พอตกลงซื้อขายตนมีการโอนเงินให้นายมนัส จำนวน 632,000บาท ภายหลังเกิดเรื่องนายมนัสได้โอนเงินคืนตนมา 172,000 บาท เพื่อทำให้ตนเชื่อว่าจะได้ที่เหลือคืนและเพื่อไม่ให้ตนแจ้งความ แต่กลับเบี้ยวจ่ายส่วนที่เหลือ เมื่อทวงถามก็มีการผลัดวันเรื่อยๆ จนตนต้องเดินทางเข้าแจ้งความ
เบื้องต้นพนังงานสอบสวนได้มีการแจ้งข้อหาฉ้อโกง โดยภายหลังรับทราบข้อหาพนักงานสอบสวนได้ทำการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากนายมนัส เข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกด้วยตัวเอง
ทางด้าน นายสมรักษ์ คําสิงห์ อดีตนักมวยโอลิมปิก และเป็นผู้ที่ถูกกล่าวอ้างว่าขายล็อตเตอรี่ให้กับนายมนัส กล่าวว่า ยอมรับว่าเคยมีการซื้อขายล็อตเตอรี่กับนายมนัสจริง แต่แค่เพียง 1 งวดเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นนายมนัสได้โอนเงินมาให้ตน 8 ล้านบาท เพื่อซื้อล็อตเตอรี่ แต่ตนมีล็อตเตอรี่ให้แค่ 4 ล้าน จึงโอนเงินส่วนต่าง 4 ล้านบาทคืนนายมนัสไป หลังจากนั้นนายมนัสก็หายไป ไม่ได้มีการติดต่อซื้อขายกันอีก จนกระทั่งเกิดเรื่อง ผู้เสียหายโทรมาหาตนเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งตนก็ได้อธิบายไปตามความจริงที่เกิดขึ้น ส่วนตัวนายมนัสมีโทรมาปรึกษาบ้าง แต่ตนก็พยายมมบอกนายมนัสให้หาเงินมาคืนผู้เสียหาย ส่วนที่ว่านายมนัสมีปัญหาเรื่องเงิน หรือมีหนี้สินอะไรหรือไม่ตนไม่รู้และไม่ขอเกี่ยวข้อง