No data was found

ไม่เกินคาดหมาย แฉไอ้โม่งโซเชียล ปั่นไล่ประยุทธ์-เลิก ม.112 มาจากต่างแดน

กดติดตาม TOP NEWS

"ซูเปอร์โพล" แฉความจริงในโลกโซเชียล ไอ้โม่งใช้บัญชีอวตาร ปลุกปั่นกระแสไล่ประยุทธ์-ยกเลิกม.112จากต่างประเทศปลุกคนไทยรู้เท่ากันเกม ไม่หลงกระแส ยันผลสสำรวจพบปชช.ไว้ใจ ตำรวจ-ทหาร คุมม็อบไม่ให้เกิดความรุนแรงบานปลาย

วันที่ 22 ต.ค. 65 ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยว่า ผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ความจริงในโลกโซเชียล” จากแหล่งข้อมูลพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของกลุ่มบัญชีผู้ใช้สื่อออนไลน์ในประเทศและต่างประเทศ ระหว่างวันที่10 ก.ย.-21 ต.ค. มีประเด็นที่น่าพิจารณาในการศึกษาครั้งนี้ คือการปลุกปั่นกระแสกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล จำนวน 27,065 ตัวอย่าง พบว่า จำนวน 24,868 ตัวอย่างหรือร้อยละ 91.88 เป็นการปั่นมาจากต่างประเทศ เพื่อกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเช่น ไล่ประยุทธ์ ประยุทธ์ออกไป ในขณะที่จำนวน 2,197 ตัวอย่างหรือร้อยละ 8.12 ปั่นภายในประเทศโดยมีค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งของการปั่นจำนวน 621.7 ครั้งในช่วงระยะเวลาประมาณ 30 กว่าวันที่ผ่านมา นอกจากนี้เมื่อนำประเด็นความจริงในโลกโซเชียลที่กระทบต่อความมั่นคงชาติ เช่น การยกเลิก ม. 112 การปลุกปั่นประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายมาพิจารณาได้พบแนวโน้มของการปลุกปั่นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เช่น ยกเลิก ม.112 และการปฏิรูปสถาบันและอื่น ๆ พบว่าการปลุกปั่นกระแสกระทบความมั่นคงของชาติมีจำนวนตัวอย่างที่เก็บรวบรวมมาจากโลกโซเชียลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั้งสิ้น 42,008 ตัวอย่าง พบว่า จำนวน 38,170 ตัวอย่างหรือร้อยละ 90.86 เป็นการปั่นมาจากต่างประเทศ เพื่อกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ในขณะที่ จำนวน 3,838 ตัวอย่างหรือร้อยละ 9.14 ปั่นภายในประเทศโดยมีค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งของการปั่นจำนวน 95.95 ครั้งในช่วงระยะเวลาประมาณ 30กว่าวันที่ผ่านมา

ดร.นพดล ระบุต่อว่า เมื่อเจาะลึกข้อมูลไปยังฐานข้อมูลกลุ่มผู้ปั่นกระแสกระทบต่อความมั่นคงชาติทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ พบว่า เกือบร้อยละ 100 ที่เป็นการใช้ชื่อบัญชีอวตาร หรือ บัญชีทิพย์ ไม่มีตัวตนแท้จริง เและกลุ่มที่ใช้สัญลักษณ์อักขระเชิงรูปภาพ การ์ตูน ที่คอยปั่นกระแสยกเลิก ม.112 และปลุกปั่นมาจากต่างประเทศที่มีการใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อซ่อนและปกปิดบิดเบือนที่อยู่ของตนเองให้เข้าใจผิดเรื่องแหล่งที่มาของการปลุกปั่นกระแสกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เช่นระบุว่ามาจาก แอฟริกาใต้ แต่จริง ๆ อยู่ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ เช่น ตุรกี สิงคโปร์ อเมริกา เกาหลีและประเทศเพื่อนบ้านของไทย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่ใช้ยืนยันได้อย่างแน่นอนว่ามีการปลุกปั่นกระแสกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและความมั่นคงของชาติมาจากต่างประเทศอย่างชัดเจนที่ยืนยันได้จากข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยที่ประชาชนในประเทศจะหลงกระแสไปกับภาพจำว่ากระแสต่อต้านรัฐบาลและความมั่นคงของชาติเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และคิดกันไปว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อสอบถามถึงหน่วยงานรัฐที่ประชาชนวางใจมากที่สุดในการปกป้องรักษาความมั่นคงของชาติและควบคุมการชุมนุมไม่ให้เกิดความรุนแรงบานปลาย พบว่า ร้อยละ 36.1 ระบุตำรวจ รองลงมาคือร้อยละ 22.4 ระบุทหาร ร้อยละ 21.9 ระบุ มหาดไทย ร้อยละ 10.1 ระบุกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 8.3 ระบุ ปกครองส่วนท้องถิ่น และร้อยละ 1.2ระบุอื่น ๆ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ดร.นพดล ระบุอีกว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบด้วยว่าขบวนการปลุกปั่นกระแสในโซเชียลมีเดียใช้ปมละเอียดอ่อนของสถานการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นจากนั้น พ่วงด้วยการติด hashtag (#) ข้อความปลุกปั่นกระแส ทั้งๆที่ในเนื้อหาข่าวที่นำมาใช้เป็นหัวจรวดปลุกกระแสไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติและความมั่นคงเลย จึงน่าจะเป็นประโยชน์ให้หน่วยงานความมั่นคงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาปัจจัยสำคัญต่อไปนี้ เช่นเหตุการณ์สถานการณ์ข่าวที่เกิดขึ้น ปฏิกิริยาและความคงทนยาวนานของความรู้สึกนึกคิดที่ตกค้างในใจของประชาชน หรือจริง ๆแล้วมันเกิดขึ้นและเป็นไปตามผลลัพธ์ของอิทธิพลโซเชียลมีเดียและการผลักดันกลุ่มประชาชนไปสู่การแบ่งขั้วเลือกข้าง อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในหมู่ประชาชน

“ถ้าประชาชนคนไทยทุกคนในชาติรู้เท่าทันเกมการปลุกปั่นกระแสของขบวนการโซเชียลที่โจมตีเสถียรภาพรัฐบาลและกระทบไปยังความมั่นคงของชาติในมิติอื่น ๆ เช่น สถาบันหลักของชาติ การยกเลิก ม.112 การพาคนลงถนนขับไล่นายกรัฐมนตรี ไล่ประยุทธ์ ประยุทธ์ออกไป เหล่านี้เป็นต้น ผลที่ตามมาคือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะไม่หลงกระแสและมีหลักยึดเหมือนในบางประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่นสหรัฐอเมริกาโดยมีครั้งหนึ่งผู้พิพากษาไต่สวนคดีด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริการะหว่างรัฐกับองค์กรต่างชาติและผู้พิพากษาทั้งองค์คณะสรุปชี้ให้เห็นว่า ความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติสหรัฐฯ อยู่เหนือสิ่งอื่นใดความมั่นคงของชาติต้องมาก่อนผู้ใดที่ถูกสงสัยว่าจะสั่นคลอนความมั่นคงของชาติก็จะถูกกันออกไปจากความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยในความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติของสหรัฐอเมริกาจึงเสนอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันพิจารณายุทธศาสตร์ภาพใหญ่ขับเคลื่อนให้ทุกคนในชาติช่วยกันคือ การปกป้องรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติของไทย” ดร.นพดล ระบุ

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรมวิทย์ฯ" กางข้อมูลผลตรวจข้าว 10 ปี ไม่พบสารปนเปื้อน มีคุณค่าโภชนาการ
วัตถุโบราณล้ำค่า "Golden Boy" ถึงไทยแล้ว เตรียมเปิดให้เข้าชมพรุ่งนี้
รวบ "ทนายดัง" ลวงลูกความขืนใจ เหยื่อเครียดหนักโดดเรือหวังปลิดชีพ
"กรมราชทัณฑ์" ส่งมอบประวัติการรักษา"บุ้ง" แล้ว ยันโปร่งใส นำสื่อดูจุดเกิดเหตุ
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 8 เดือน "สกุลธร" น้องชายธนาธร ติดสินบนเช่าที่ดินสนง.ทรัพย์สินฯ
อบจ.ฉะเชิงเทรา จัดกิจกรรม 1 อปท. 1 สวนสมุนไพร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2567
เปิดรับสมัคร สว. วันแรกมีประชนมาสมัครแต่เช้า
เริ่มแล้ว รับสมัคร สว. ขอนแก่น วันแรก ผู้สมัครเข้าคิวเพียบ แห่มารอก่อนเวลาทำการ
รับสมัคร สว. เมืองระยองวันแรกมีคนดัง และ อดีตผู้สมัครเวทีการเมืองหลายเวทีสมัครด้วย ผอ.กกต.ระยอง แนะผู้ที่จะสมัคร ศึกษาระเบียบให้ดีอาจผิดกฎหมาย สุ่มเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีและถอนสิทธิเลือกตั้ง
เปิดสมัครชิงชัย สว.สระแก้ว วันแรกสุดเงียบเหงา อ.คลองหาดฯยังไร้ผู้สมัคร

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น