
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 พ.ย. 68 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และสำนักงาน กสทช. เขต 34 (เชียงราย) ลงพื้นที่ตรวจสอบเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์และจุดให้บริการอินเทอร์เน็ตตามแนวชายแดนไทย–เมียนมาร์ ในพื้นที่ อ.เชียงแสน และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โดยที่ อ.เชียงแสน พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุพันธ์ กันถารัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชียงแสน และนายศุภลักษณ์ รูปศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 34 ตรวจสอบเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เครือข่าย AIS และ TRUE บริเวณตรงข้าม “คิงส์โรมัน” พบว่าได้มีการปรับทิศทางตัวส่งสัญญาณให้หันเฉพาะภายในประเทศ ปรับมุมเงยให้ต่ำลงเพื่อจำกัดวงการส่งสัญญาณ ตรวจวัดความสูงเสาส่งสัญญาณได้ 33 เมตร ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ 15 เมตร ตามมติบอร์ด กสทช. ปี 2568 โดยได้แจ้งให้บริษัทผู้ให้บริการแก้ไขแล้ว พร้อมทั้งเตรียมทดสอบการใช้งานของผู้ใช้เครือข่ายในฝั่ง “คิงส์โรมัน” เพื่อตรวจสอบขอบเขตสัญญาณจริง และให้ สภ.เชียงแสน รายงานผลต่อไป

ส่วนที่อำเภอแม่สาย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พ.ต.อ.เทคนิค จันศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สาย และนายศุภลักษณ์ รูปศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 34 ลงตรวจสอบจุดชุมสายอินเทอร์เน็ต (ไฟเบอร์ออปติก) และเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่สำคัญ 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บริเวณสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาร์ แห่งที่ 1 เดิมมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต 6 บริษัท รวม 12 สายข้ามไปเมียนมาร์ ปัจจุบันเหลือ 9 สายที่ยังใช้งานได้ จุดที่ 2 บริเวณสะพานมิตรภาพไทย–เมียนมาร์ แห่งที่ 2 เดิมมีผู้ให้บริการ 2 บริษัท รวม 3 สาย แต่ขณะนี้ทั้งหมดหยุดเชื่อมต่อไปฝั่งเมียนมาร์

และ จุดที่ 3 บริเวณบ้านสันทราย อ.แม่สาย ตรวจเสาส่งสัญญาณ AIS และ TRUE พบว่า มีการปรับทิศทางสัญญาณให้ครอบคลุมเฉพาะภายในประเทศ ปรับมุมเงยลงต่ำเพื่อจำกัดวงสัญญาณ ตรวจวัดความสูงของเสาได้ 37 และ 40 เมตร ซึ่งเกินมาตรฐาน 15 เมตร โดย กสทช. จะดำเนินการแจ้งผู้ให้บริการแก้ไขต่อไป พร้อมเตรียมให้ผู้ใช้บริการในฝั่งเมียนมาร์ทดสอบสัญญาณเพิ่มเติม เพื่อรายงานผลต่อ สภ.แม่สาย
ทั้งนี้ การตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้การสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อควบคุมและป้องกันการใช้โครงข่ายสื่อสารในพื้นที่ชายแดนไปก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีข้ามชาติ โดยจะมีการติดตามผลและรายงานความคืบหน้าต่อเนื่องต่อรัฐบาล

								
															



