วันที่ 18 ก.ค. 2564 รายงานสถานการณ์โควิดในจังหวัดนครศรีธรรมราช รายวงาน ณ. เวลา 09.00 น. จังหวัดนครศรีธรรมราช พบผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกเมษายน เพิ่ม 92 ราย (ผู้ป่วยในจังหวัด 46 ราย รับผู้ป่วยจาก กทม.และปริมณฑล 46 ราย) ยอดผู้ป่วยสะสม 2,145 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 675 ราย (ผู้ป่วยในจังหวัด 379 จาก กทม. /ปริมณฑล 296 ราย)รักษาหายแล้วสะสม 1,608 ราย เสียชีวิตสะสม 25 ราย นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช แถลงถึงสภานการ์ว่าหากดูตามยอดจำนวนผู้ติดกเชื้อ 92 คนมันสูงจนน่าเป็นหก่วง แต่ยอดในจังหวัดจริง ๆ แค่ 46 ราย และในจำนวน 46 รายเป็นยอดจากแล็ปใหม่ รพ.ทุ่งสง ที่เพิ่งจัดตั้งเพิ่มขึ้นมายังมีปัญหาในการรายงานตัวเลขทำให้มีตัวเลขตกค้างอยู่ 3 วัน นำมาแบ่งรายงานใน 3 วันตั้งแต่วันศุกร์-อาทิตย์ ยืนยันว่าไม่ใช่ “ลับลวงพราง” แต่เป็นยอดตกค้างจากแล็ปที่เปิดใหม่ที่การดำเนินการในขณะนั้นยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ในขณะนี้แก้ปัญหาได้แล้วต่อ ๆไปก็จะไม่มีตัวเลขผู้ป่วยตกค้าง จะสามารถรายงานได้เป็นปัจจุบันเหมือนแล็ปอื่น ๆ
ในขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยในกรุงทำ-ปริมณฑลต้องยอมรับว่าเยอะมาก ๆ จริง ๆ แลพะจะกระจายออกสู่ต่างจังหวัด ตามโครงการรับผู้ป่วยกลับไปรักษาใน รพ.บ้านเกิด ในวส่วนของนครศรีธรรมราชรับมาแล้วและกระจายอยู่ตาม รพ.ต่าง ๆ 7 แห่งรวม 296 คน ส่วนคลัสเตอร์ที่น่าเป็นห่วงมีอยู่หลายครัสเตอร์ที่ทีมสาธารณสุขของแต่ละพื้นที่กำลังเร่งควบคุมอยู่ โดยเฉพาะคนงานล้งมังคุดที่ต้องขอเน้นย้ำผู้ประกอบหการทุกแห่งว่าให้ปฏิบัติตามมาตรการและขั้นตอนที่ประกดาศอย่างเคร่งครัด เพราะนอกจากจะสร้างปัญหาให้กับพื้นที่แล้วผู้ประกอบการเองก็ไม่สามารถที่จะเปิดล้งประกอบการตามปกติได้
ในขณะที่นายวิฑูรย์ หัสภาคย์ นายกเทศบาลตำบลโพธ์เสด็จ กล่าวว่าจากการที่นายอำเภอและตนพร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจล้งรับซื้อมังคุดทุกแห่ง และพบว่าล้ง “จงถาง” สี่แยกท่าดี หมู่ 1 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง มีคนงานติดเชื้อ 18 คน โดยพบว่าคนงานไม่ผ่านขั้นตอนตามที่ผู้ว่า ฯในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกำหนด โดยมีนายหน้าแอบนำคนงานมาส่งให้ล้งดังกล่าว ที่สำคัญเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตัวนายหน้าซึ่งเป็นคนงานล้งดังกล่าวด้วยพร้อมคนงานที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดภนาคใต้รวม 3 คนได้หลบหนีไป ทั้ง 3 คนมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อโควิด ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจกำลังติดตามตัวเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งอาจจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย สำหรับ “ล้งปองภพ” หน้าปั้มน้ำมันแชลล์ ในท้องที่หมู่ 1 ต.โพธิ์เสด็จ ไม่ไกลจากล้งจงถางมากนัก ที่ตนและนายอำเภอเข่าตรวจสอบพบว่าเขาปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดจึงไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดเลย แต่สื่อมวลชนบางวังกัดได้นำภาพไปประกอบข่าวการตรวจล้งมังคุด ทำให้ประชาชนบางคนเข้าใจผิดคิดว่าล้งปองภาพมีคนติดเชื้อโควิด ส่งผลกระทบต่อคสวามมั่นใจของลูกค้าไม่กล้านำมังคุดมาจำหน่าย ตนยืนยันว่าล้งปองภพไม่มีคนติดเชื้อโควิด และเป็นล้งตัวอย่างที่ดีและอยากให้ทุกล้งที่เข้ามาตั้งจุดรับซื้อมังคุดปฏิบัติเหมือนล้งปองภพ แล้วพื้นที่ “โพธิ์เสด็จจะปลอดภัย 100 %” และเพื่อแก้ปัญหานายหน้าแอบนำคนงานมาส่งให้ล้งรับซื้อมังคุด ตนได้ออกประกาศให้ผู้ประกอบการทุกแห่งมาลงทะเบียนที่เทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ เมื่อผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างละเอยดตามมาตรการตนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้ง รพ.สต.ผู้นำท้องถิ่นจะเซ็นกำกับพร้อมออกแผ่นประกาศให้นำไปติดหน้าล้งเป็นหลักฐานว่าเป็นล้งที่ผ่านการควบคุมตามโครงการ “โพธิ์เสด็จจะปลอดภัย 100 %”
นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์เสด็จ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่มีการกักตัวกลุ่มเสี่ยงจากล้งมังคุดที่เข้ามาตั้งจุดรับซื้อในพื้นที่ ต.โพธิ์เสด็จ นั้นตนคิดว่าหากมีการนำไปกักตัวในโรงแรมที่ทางราชการกำหนด และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่นั้น ไม่น่าจะถูกต้องเพราะเป็นแรงงานที่เดินทางมาจากต่างพื้นที่ ไม่ใช่ประชากรที่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่ เป็นพียงเข้ามาทำงานในพื้นที่ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งตามปกติประชากรในพื้นที่เราเอาอยู่ สามารถควบคุมได้อย่างดี ไม่มีปัญหา แต่จะให้เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกัดตัวของแรงงานล้งมังคุดคงรับไม่ไหวแน่เนื่องจากเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ๆรายะ 950 บาท/วัน รวมจำนวน 14 วัน หากจำต้องกักตัว 40-50 คนหรืออาจจะมากกว่านั้นค่าใช้จ่ายสูงมาก เกินขีดความสามารถที่เทศบาล ฯหรือองค์กรปกครองส่วนทิ้งถิ่นจะรับได้ เนื่องจากในปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเล็ก ๆ โดยเฉพาะเทศบาลตำบลเกือบทุกแห่งผู้บริหารเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียง 2 เดือน สถาภาพทางการคลังก็ย่ำแย่มาก ๆ งบประมาณ พ.ศ.2564 ถูกใช้ไปหมดก่อนหน้าแล้ว ในขณะที่ยังไม่ได้จัดทำร่างงบประมาณใหม่ 2565 ตนจึงแนะนำให้กักตัวในพื้นที่ภทายในล้งมังคุดแต่ละแห่งแทน.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
