ย้อนรอยมหากาพย์ 28 ปี พ่อมดการเงิน "ราเกซ สักเสนา" ทุจริตธนาคารบีบีซีจนล้มละลาย โทษหนัก จำคุก 335 ปี ปรับ 33 ล้านบาท ชดใช้เงินคืนกว่า 2,000 ล้านบาท
ข่าวที่น่าสนใจ
ย้อนรอยอดีตคดีทุจริตสุดฉาวจนธนาคารดังล้มละลาย หลังเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก “ราเกซ สักเสนา” อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ หรือบีบีซี ในข้อหาทุจริตในการปล่อยกู้ ทำให้ธนาคารเสียหายนับ 1,000 ล้านบาทและมีผลไปจนถึงธนาคารล้มละลาย เป็นอันยุติคดีความที่ยาวนานเกือบ 30 ปี โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
1. นายราเกซ สักเสนา ปัจจุบันมีอายุมากถึง 70 ปี
- เป็นคนสัญชาติอินเดีย จบการศึกษาในระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
- เข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการจำกัด (มหาชน)
- ร่วมกับพวก ทำการทุจริตอนุมัติสินเชื่อเกินบัญชี โดยไม่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
2. อัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
- นายรา เกซ สักเสนา ซึ่งมีความเก่งกาจ จนได้รับฉายาว่า พ่อมดการเงิน โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดในช่วงปี 2537-2539
3. ถูกออกหมายจับในปี 2539
- หลังจากการล้มละลายของบีบีซีในปี 2538 มีผู้เสียหายเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก
4. หลบหนีออกจากประเทศไทย
- ไปยังแคนาดาและถูกตำรวจแคนาดาควบคุมตัวไว้ได้เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2539
5. ทางการไทยได้ประสานขอตัวกลับมา ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
- แต่นายราเกรซได้ใช้กลเม็ดเด็ดพรายทางกฎหมายหลายอย่าง ให้ทนายยื่นคำคัดค้าน
- อ้างว่าถ้าแคนาดาส่งกลับไทย ตนเองอาจถูกสังหารหรือจำคุกแบบโหดร้ายทารุณ
6. กว่า 12 ปี ศาลฎีกาแคนาดาจึงได้ยกคำร้องของนายราเกซ
- และส่งตัวกลับเมืองไทยในเดือนพฤศจิกายน 2551
7. ในปี 2555 ศาลอาญากรุงเทพใต้ซึ่งถือว่าเป็นศาลชั้นต้น ได้พิพากษาจำคุกและสั่งปรับ ตลอดจนให้ชดใช้เงินคืน
8. นายราเกซได้ทำการอุทธรณ์
- และตามด้วยฎีกา ตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา
9. 12 กันยายน 2565 ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
- นายรา เกซ สักเสนา มีความผิดจริง ให้จำคุกทุกข้อหารวมทั้งสิ้น 335 ปี (แต่จะได้รับโทษจำคุกจริง 20 ปี) ปรับ 33 ล้านบาท
- และให้ชดใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท (ซึ่งได้ชดใช้ไปแล้วบางส่วน เหลือต้องชดใช้เพิ่มอีก 353 ล้านบาท)
เป็นอันจบสิ้นคดีมหากาพย์อีกคดีหนึ่ง ที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 28 ปี และจำเลยหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ 12 ปี ในระหว่างต่อสู้คดีในประเทศไทย 10 ปี ก็อยู่ในคุกมาโดยตลอด จึงยังเหลือโทษจำคุกอีก 10 ปี
สำหรับผู้สูงอายุวัย 70 ปี การต้องรับโทษจำคุกต่อเนื่อง คงจะเป็นเรื่องที่ลำบากมากทีเดียว เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่มีความเก่ง มีความรู้ความสามารถ แต่อยากรวยทางลัด จึงกระทำผิดโดยมีความมั่นใจว่าไม่มีใครจับได้ สุดท้ายต้องรับโทษในวัยสูงอายุ
ข้อมูล : ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง