เลขาฯยธ. เผยรอศาลสั่งอดีตนักโทษชาย รับโทษต่อ พร้อมช่วยเหลือเยียวยา

เลขาฯยธ. แนะอดีตนักโทษชาย รอฟังคำสั่งศาลให้กลับไปรับโทษที่เหลือ ให้คำมั่น จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมช่วยเหลือเยียวยา ส่วนเจ้าตัวน้อมรับคำพิพากษาศาล

วันนี้ ( 13 ก.ย.) ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรม และ สิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อม นายธีรพิพัฒน์ พิพัฒนโสภณ ผู้เสียหาย เข้าพบ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม กรณีมีผู้ร้องทุกข์ ขอความเป็นธรรม หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้ง ขณะรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำจังพระเยา จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวในที่สุด แต่ต่อมาทางเรือนจำกลับมีหนังสือให้ศาลจังหวัดพะเยา เรียกตัวผู้เสียหายกลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือนเหมือนเดิม ทั้งที่ได้รับอภัยโทษแล้ว

ด้านว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังพูดคุยทำความเข้าใจกับ นายธีรพิพัฒน์ ผู้ร้องเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพะเยา ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งพิพากษายืนตาม 2 ศาลล่าง ให้จำคุก 3 ปี และถูกนำตัวเข้าเรือนจำ ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2564 และมีการขอรับการอภัยโทษ กระทั่งถูกปล่อยตัวออกมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 แต่หลังได้คืนอิสรภาพไม่นาน ก็กลับได้รับหมายเรียกให้กลับไปรายงานตัวที่ศาล เนื่องจากเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ยื่นคำร้องว่าปล่อยตัวผิดพลาด และให้กลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือน เนื่องจากหลังออกจากเรือนจำมาแล้ว ได้มีหนังสือยกเลิกไม่ให้ชั้นพิเศษตนในเดือนตุลาคมปี 64

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยเลขานุการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า เรื่องนี้ต้องมีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่จากการอธิบายขั้นตอน รายละเอียดต่างๆให้กับนายธีรพิพัฒน์ทราบนั้น เจ้าตัวเข้าใจและรอฟังคำตัดสินของศาล พร้อมยืนยันว่า ถ้าหากจะให้กลับเข้าไปรับโทษ กระทรวงยุติธรรมจะดูแลเรื่องความปลอดภัย ส่วนความเสียหายทางแพ่งที่นายธีรพิพัฒน์ ลงทุนทำธุรกิจช่วง7เดือนที่ผ่านมานั้น หากเกิดความเสียหายอย่างไรก็จะมีการช่วยดูแล และให้คำแนะนำขั้นตอนเรียกร้องค่าชดเชยในส่วนนี้ต่อไป

ด้านนายธีรพิพัฒน์ ระบุว่า หลังจากได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจ รู้สึกสบายใจขึ้น รอเพียงแค่ฟังคำตัดสินของศาล โดยส่วนตัวได้มีการยื่น 7 เรื่องให้ทางกระทรวงยุติธรรมดำเนินการตรวจสอบ ทั้งเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์ จ.พะเยา แต่ส่วนตัวไม่ว่าจะอย่างไรก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล

อย่างไรก็ตาม มีการสอบถามเลขานุการกระทรวงยุติธรรม ว่าเคสในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ในส่วนของกระบวนการไม่ว่าจะอย่างไรกรมราชทัณฑ์ก็ต้องดำเนินการไปตามระบบ แต่การปล่อยครั้งนี้เป็นการปล่อยโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่มีการเพิกถอนคำสั่งในภายหลัง ซึ่งเคสนี้อาจจะมีช่องทางเช่นการขอติดกำไลEMได้หรือไม่ ซึ่งต้องไปดูในเรื่องของเงื่อนไข และไม่ว่าจะอย่างไรต้องรอฟังคำสั่งจากศาลอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่า สำหรับ กระบวนการเลื่อนชั้น เริ่มต้นตั้งแต่เรือนจำฯ จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดประจำเรือนจำ และรายงานผลไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้ตรวจสอบ และเสนอปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาอนุมัติ

โดยกรณีนายธีรพิพัฒน์ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัด ได้คิดคำนวณโทษ ตามหลักการเลื่อนชั้นเป็นชั้นเยี่ยม จึงปล่อยตัวก่อนกำหนดโทษที่เหลือ 7 เดือน แต่หลังจากนั้น กระทรวงยุติธรรม ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งว่าไม่อนุมัติการเลื่อนชั้นของกลุ่มนักโทษดังกล่าว กรมราชทัณฑ์จึงมีหนังสือลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งไปยังเรือนจำจังหวัดพะเยา นายธีรพิพัฒน์ จึงต้องกลับมารับโทษที่เหลืออยู่ต่อไป

ทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดพะเยา ได้แจ้งนายธีรพิพัฒน์ฯ ถึงผลการไม่อนุมัติการเลื่อนชั้น และให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทางเรือนจำฯ จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้นายธีรพิพัฒน์ฯ กลับมารับโทษที่เหลือต่อไป โดยศาลมีรายงานกระบวนการพิจารณาตามคดีหมายเลขดำที่ อ 651/2560 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 405/2560 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 วรรคท้าย ให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่จำนวน 7 เดือน 29 วัน และกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่าได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบหรือไม่อย่างไร

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนี้เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย โดยมิได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกรณีดังกล่าวมีนักโทษเด็ดขาดขอพิจารณาการเลื่อนชั้น จำนวน 71,754 ราย โดยใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จึงไม่อนุมัติให้เลื่อนชั้น ทำให้เรือนจำจังหวัดพะเยาและเรือนจำอื่นๆ ที่อยู่ในหลักเกณฑ์การขออนุมัติ มิได้รับการอนุมัติด้วยเช่นกัน สำหรับส่วนของเรือนจำจังหวัดพะเยา จำนวน 241 ราย มีผู้ต้องขังเพียง 2 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัว ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องกลับมารับโทษจำคุกต่อและ 1 ใน 2 ราย ได้กลับเข้ามารับโทษจำคุกต่อแล้ว สำหรับนายธีรพิพัฒน์ฯ ปฏิเสธการกลับเข้ามาคุมขังภายในเรือนจำ จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“นายกเบี้ยว” ประกาศ “ภรรยา” คว้าชัยชนะนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี “ลูกพีช” ได้เป็นสท.
“กกต.” แถลงปิดหีบเลือกตั้งเทศบาล พบฉีกบัตร 5 จังหวัด รวม 6 ราย เตรียมประกาศผลอย่างเป็นทางการภายใน 30 วัน
"ลูกสส.คนดัง" สงขลา สั่งสมุนรุมทำร้ายตำรวจ ไม่พอใจถูกห้ามถ่ายรูปในหน่วยเลือกตั้ง
ยะลาคึกคัก จัดพิธี "เวียนเทียน" เที่ยงวัน เนื่องในวันวิสาขบูชา คุมเข้มความปลอดภัยพุทธศาสนิกชน
"รอยตุ๊" โพสต์ขอร้อง "ชัชชาติ" อย่าลงสมัครผู้ว่าฯกทม.อีกสมัย คอมเมนต์เห็นด้วยพรึ่บ
"โฆษกภูมิใจไทย" ปฎิเสธข่าว คว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 69 ชี้ไม่มีเหตุไม่สนับสนุน กม.เป็นประโยชน์พัฒนาประเทศ
รวบ “เจ๊เจี๊ยบ” หลอกคนไทยไปทำงานต่างประเทศ ผู้เสียหายนับร้อย เสียหายกว่า 30 ล้านบาท
"กรมโยธาฯ" แจง 3 ข้อ ปมเหตุก่อสร้างซุ้มประตูเมือง จ.อุดรธานี ล่าช้า
โฆษกเพื่อไทย สยบลือ ร้องหยุดโจมตี "ภูมิใจไทย" พร้อมคว่ำงบฯ 69 ตอบโต้คดีฮั้วสว. ยันพรรคร่วมฯทำงานปกติ
“สมศักดิ์” ย้ำไม่พบผู้ป่วย "โรคแอนแทรกซ์" เพิ่ม ยังคงเดิม 4 ราย เตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังใกล้ชิด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น