กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต หลัง ดร.สมญา สวามินาทาน ( Soumya Swaminathan) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์องค์การอนามัยโลก (Who) ออกมาพูดในทำนองแสดงความเป็นห่วงว่า ประชาชนไม่ควรตัดสินใจเองในการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบผสมสูตร เนื่องจากจะเป็นการก่อเทรนด์อันตราย เพราะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพในเรื่องดังกล่าว งานนี้เลยทำให้หลายประเทศที่กำลังใช้วิธีการฉีดสลับโดสของวัคซีนต่างชนิดกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนให้กับคนของตนเองเกิดความสับสน จากนั้นไม่นานหลังคนเกิดความเข้าใจผิดไปทั่วโลก เธอก็เลยรีทวิตข้อความใหม่ว่า ” บุคคลทั่วไป ไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ควรเป็นหน่วยงานสาธารณสุขตัดสินใจบนฐานของข้อมูลที่มี ”
งานนี้เลยกลายเป็นประเด็นที่ทำให้พูดถึงกันอย่างกว้างขวางหลายมุมในประเทศไทย โดยเฉพาะภายหลังจากที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 12 ก.ค. อนุมัติให้ฉีดวัคซีนสลับชนิดหรือสูตรผสมให้กับคนไทย โดยเข็มที่ 1เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อจะได้เร่งสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วขึ้นและสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆแค่ 4 สัปดาห์ แต่มีประสิทธิภาพสูงใกล้เคียงเสมือนฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม เพื่อป้องกันโควิด-19 กลายพันธุ์โดยเฉพาะเดลต้า
ความจริงเรื่องนี้ไม่น่ามีประเด็นดราม่าอะไร หากไม่มีการนำข่าวนี้ไปบิดเบือนไปตีกินไปขยายผลประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะการหยิบประเด็นนี้ไปจับแพะชนแกะในทำนองว่า Who ออกมาเบรกนโยบายการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดของทุกประเทศที่มีแนวคิดแบบนี้ ล่าสุดในที่ประชุมครม.มีการนำเสนอข่าวในทำนองพล.อ.ประยุทธ์เบรกกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการฉีดวัคซีนแบบสลับชนิด เขียนข่าวในทำนองบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ผิดไปจากการประชุมครม.ทุกครั้งที่ผ่านมา
เว็บไซด์ฐานเศรษฐกิจ เปิดประเด็นจั่วหัวว่า ” นายกฯ เบรก ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ยกคำเตือน WHO สั่งกลับไปทบทวน ก่อนโปรยข่าวนี้ว่า เผย บรรยากาศประชุมครม. ดุเดือด รมต.ซัดกันนัว นายกรัฐมนตรี สั่งเบรก ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ชี้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เปิดคลิป WHO ตั้งข้อสังเกต ให้ไปพิจารณาใหม่ อย่าให้ผมต้องสั่งเอง ” ขณะที่เว็บไซด์คมชัดลึกก็มาตะเภาเดียวกัน ” เบรกฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ นายกฯสำทับWHOเตือนสั่งทบทวนรอบคอบ ”
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเขียนข่าวให้ข้อมูลกับประชาชนในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่อาจทำให้คนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้แบบจริงๆจังๆ ตาสีตาสาชาวบ้านเกิดความสับสนเข้าใจผิดได้ เพราะใส่สีตีไข่เขียนข่าวผสมบทละครจนเกินงาม ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้แม้จะมีการหารือประเด็นนี้จริงอยู่บ้าง มีการหยิบยกคลิปเรื่องที่ ดร.สมญา จาก Who แสดงความห่วงใยมาให้ครม.ทุกคนได้ดู แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้ครม.ถกกันนาน 2-3 ชม.เมื่อวานนี้ และที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ “เบรก” ไม่ได้ “ห้าม” เรื่องการฉีดวัคซีนสลับชนิดให้กับหมอ บุคคลากรทางการแพทย์ หรือ ประชาชน แต่ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนสูงสุด ประเด็นนี้วงในยืนยันคุยกันไม่นาน มีประเด็นที่เป็นห่วงนิดเดียวคือทางนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สอบถามว่าหากไปต่างประเทศเราจะยืนยันว่าฉีดตัวไหนเป็นหลัก ต่างประเทศปลายทางจะมีข้อกังขาหรือให้การรับรองหรือไม่หากฉีดสลับฉีดไขว้แบบนี้ เรื่องพวกนี้ต้องเคลียร์กันให้ชัด
แต่ประเด็นที่ถกกันมากคุยกันนาน วงในระบุว่าคือกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์มีความห่วงใยเรื่องของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ไม่มาตามนัด ส่งผลให้ไทยได้รับการส่งมอบวัคซีนหลักหมายเลข 1 ล่าช้าทำให้แผนการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยรวนไปหมด ประเด็นนี้แหละที่ทำให้ครม.หารือกันยาว ถกกันว่าจะทำอย่างไร จะใช้วิธีไหน จะเอากฎหมายตัวใด มาบังคับมาจับให้บ.แอสตร้าเซนเนก้าคายวัคซีนที่ผลิตในโรงงานบ้านเรา ออกมาให้ตรงกับความจำเป็นเร่งด่วนของไทยที่ต้องเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับคนไทย อีกเรื่องที่พูดกันนานก็คือการบริหารจัดการชุดตรวจเชื้อโควิด -19 ชนิด Antigen test kit ที่จะเริ่มทยอยวางตลาดในอาทิตย์หน้า ก่อนขายให้กับประชาชนเอาไปตรวจเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นเองที่บ้าน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์สั่งกำชับให้กระทรวงพาณิชย์ไปควบคุมดูแลอย่าให้ราคาแพงเกินไป และขอให้กระทรวงสาธารณสุขไปหาแนวทางแนะนำการใช้ Antigen test kit ที่ถูกต้องให้กับประชาชน
หลักใหญ่ใจความที่ถกกันในวงครม.ออนไลน์วานนี้ พล.อ.ประยุทธ์เน้นเรื่องเอาบ้านเมืองรอด พาคนไทยให้พ้นภัย นำชาติสู้ภัยสงครามปราบโควิด-19 ไม่มีเรื่องไร้สาระ ไม่มีการบิดเบือน ไม่มีการใส่สีตีไข่ ไม่เอาทุกอย่างมาคิดเป็นเรื่องการเมือง คิดแต่เรื่องร้ายทำลายบ้านเมือง เหมือนที่สื่อบางค่ายโลกออนไลน์บางแห่งหยิบเอากระพี้ไปตีเป็นข่าวใหญ่โต ทั้งๆที่บ้านเมืองกำลังวิกฤติ คนป่วยเหยียบแสน คนติดเชื้อต่อวันเกือบหมื่น เสียชีวิตวันละเกือบร้อย อย่าขายข่าวบนความคับแค้นและอคติต่อไปอีกเลย
/////////////////////
