วันที่ 11 ก.ค. 2564 ศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความ แสดงความกังวลเรื่อง Rapid test ชุดตรวจไว ที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ได้แล้ว แม้ตนเองจะนะนำตลอดว่าควรมี แต่ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ยังไม่ได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอนไว้ในรายที่จะตรวจพบผลเป็นบวก หรือผลเป็นลบก็ตาม จะทำอย่างไร ตอนนี้ถ้าไม่มีแนวปฏิบัติ คอขวดในการรอก็จะไปอยู่ที่การรอเตียงแอดมิด แทนที่รอตรวจที่โอพีดี หรืออาจจะทำให้คนตื่นไปตรวจมากขึ้นโดยไม่จำเป็น กลายเป็นไปแออัดกัน ไปรับเชื้อกัน วันที่ไปตรวจไม่มีเชื้อ วันสองวันต่อมากลายเป็นมี เพราะตรวจเร็วไป หรือไปรับเชื้อโรคในวันที่ไปตรวจ
ศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิ ได้แนะนำแนวปฏิบัติที่ต้องมีคร่าวๆ ดังนี้
1) ถ้าตรวจได้ผลบวกจาก rapid test ทำไงต่อ ได้ผลลบทำไงต่อ
2) การประชาสัมพันธ์ สอนประชาชนให้เข้าใจว่า การดูแลสังเกตอาการที่ต้องมาตรวจ คืออะไร สัมผัสอย่างใดที่เรียกว่าใกล้ชิด และควรมาตรวจวันไหน ระหว่างยังไม่ถึงเวลาที่ควรมาตรวจ อยู่ที่บ้านควรจะทำอย่างไร
เพราะถ้าไม่มีการเตรียมพร้อมต้นทุนตรงนี้จะมหาศาล รัฐบาลจะแบกไม่ไหว ไหนจะค่าตรวจ จำนวนเตียงที่ต้องเพิ่มขึ้น ทั้งเตียง ฮอสพิเทล โรงพยาบาลสนาม จนถึงค่าอุปกรณ์เครื่องมือในไอซียู แต่คนทำงานหนัก คือแพทย์พยาบาลซึ่งมีเท่าเดิม
ศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิ ระบุอีกว่า เรายังไม่มีแผนใดๆที่เห็นเป็นรูปธรรม ปล่อยแบบนี้จลาจลแน่ เคอร์ฟิวก็เอาไม่อยู่ ตอนนี้ต้องช่วยกันคิดช่วยกันแบบสร้างสรรค์ อย่าไปกดดันกัน อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ให้การศึกษาให้ทั่วถึง และตัวเลขที่จะช่วยตัดสินใจมีอยู่แล้ว แค่อยู่ต่างที่ต่างกรม เอาตัวเลขมาโชว์เพื่อที่ทำอะไร หรือมีมาตรการอะไรไป จะได้ประเมินผลลัพธ์ได้ และระหว่างทางต้องมีตัวชี้วัดด้วยเผื่อต้องปรับแผนระหว่างทาง