No data was found

โฮปเวลล์ ทวงคืนความเป็นธรรม ขอรัฐคืนเงินลงทุนพร้อมดอกเบี้ย

กดติดตาม TOP NEWS

ผู้บริหารโฮปเวลล์ฯ ยืนยัน ไม่ได้เรียกค่าโง่คดีโฮปเวลล์จากรัฐบาล พร้อมขอความเป็นธรรมจากกระทรวงคมนาคม และ รฟท. หยุดใช้กฎหมาย คืนเงินลงทุนพร้อมดอกเบี้ยราว 2.7 หมื่นล้านบาท ล่าสุด เตรียมดำเนินการทางกฏหมายกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหากยังยื้อจ่ายเงินออกไป พร้อมระบุ ไม่ได้ปิดกั้นหากรัฐบาลจะมีการเจรจารอบใหม่

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร.คอลลิน เวียร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด นายวัฒนชัย คุ้มสิน วิศวกร บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และนายสุภัทร ติระชูศักดิ์ ฝ่ายกฏหมายแถลงข่าว โฮปเวลล์ ทวงคืนความเป็นธรรม จากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นคู่สัญญาในสัญญาสัมปทานโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร

นายคอลลิน ระบุว่า หลังกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเคยเป็นคู่สัญญาในสัญญาสัมปทานโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร มูลค่า 80,000 ล้านบาท ได้ยกเลิกสัญญาสัปทาน และได้มีการยื่นเรื่องไปยังทางคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย คืนสู่สถานะเดิม คืนเงินตอบแทน เงินลงทุน รวมถึงหนังสือค้ำประกันสัญญาสัมปทานและค่าธรรมเนียม แก่โฮปเวลล์ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่ปี 2551 ตามที่โฮปเวลล์ได้ร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก รวมทั้งคู่สัญญาฝ่ายรัฐ ได้บอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ และอนุมัติแบบการก่อสร้างได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เป็นเหตุให้ก่อสร้างล่าช้า

ซึ่งการดำเนินการได้เลยผ่านมาจนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลากว่า 14 ปี กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ยังไม่มีท่าทีที่จะปฏิบัติ พร้อมยังใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อประวิงเวลา ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์การลงทุนของประเทศ และความเชื่อมั่นการลงทุนของนักลงทุนนานาชาติ

นายคอลลิน ระบุอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้โฮปเวลล์ ไม่อยากร่วมลงทุนกับประเทศไทยต่อไปอีก และหวังว่าคดีนี้จะจบลงด้วยดี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายสุภัทร ติระชูศักดิ์ ฝ่ายกฎหมาย บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ เมื่อโครงการโฮปเวลล์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้โครงการไม่สำเร็จ ประชาชนเสียโอกาส และโครงการต้องล้มไป เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ทางด้านโฮปเวลล์ได้มีการหารือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางโฮปเวลล์ด้มีข้อเสนออย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาล เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น แต่หลังจากหารือรัฐบาลกลับเงียบและได้มีการดำเนินการฟ้องร้องมากลับมา

นายสุภัทร ยืนยันว่า ไม่ได้ปิดกั้นหากรัฐบาลจะมีการเจรจารอบใหม่ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยทางโฮปเวลล์จะดำเนินการตามคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการ ให้รัฐจ่ายเงินคืนโฮปเวลล์ เบื้องต้น อยู่ที่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นในส่วนของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และดอกเบี้ย และหากยังมีการยื้อคดีต่อไป ภาครัฐจะเสียหายวันละประมาณ 2.4 ล้านบาท พร้อมย้ำว่าสิ่งที่โฮปเวลล์เรียกร้องไม่ใช่ค่าโง่ แต่เป็นการขอเงินซึ่งเป็นเงินของโฮปเวลล์คืนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่ได้รับความชัดเจนจากรัฐบาล โฮปเวลล์ เตรียมหารือกับผู้บริหาร เพื่อพิจารณาฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงร้องเรียนต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นการใช้สิทธิ์ตามกระบวนการขั้นตอน ในการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง ซึ่งการออกมาแถลงข่าวของโฮปเวลล์ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการกดดันศาลฯ แต่อย่างใด

 

 

ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า ภาครัฐมองว่าโฮปเวลล์ จัดตั้งมาไม่ชอบ นายสุภัทร กล่าวว่า เป็นความเห็นของภาครัฐที่เจตนาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็จะหาเหตุผลไปเรื่อย ทั้งๆ ที่ จัดตั้งไม่ชอบ แต่ทำไมอัยการตรวจสัญญาให้เซ็นสัญญาได้ มีการจ่ายเงินตามสัญญา มีการก่อสร้างตามสัญญา และมีการปฏิบัติตามสัญญา แต่มาฟ้องกันอีก การฟ้องต่อศาลนั้นจะต้องมีว่า คู่ความต้องเป็นนิติบุคคล ต้องมีตัวตนถึงจะฟ้องกันได้

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 4 มี.ค.65 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 107/2552 คดีหมายเลขแดงที่ 366/2557 ระหว่างกระทรวงคมนาคม ที่ 1 กับพวก รวม 2 คน (ผู้ร้อง) กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้คัดค้าน) (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา) โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ไว้พิจารณา ส่งผลให้รฟท.ยังไม่ต้องจ่ายเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ผบก.น.2" ยันไม่มี 2 มาตรฐาน ชี้พบเส้นเงิน 32 เส้นเชื่อมโยงเว็บพนัน BNK จ่อเรียกสอบ "บิ๊กต่อ"
"ทนาย แอมไซยาไนด์" จ่อเอาผิด "บิ๊กโจ๊ก-ทีมสืบสวน" ตามพ.ร.บ.อุ้มหายฯ อ้างถูกย่ำยีศักดิ์ศรี ทำร้ายจิตใจจนแท้งลูก
ผู้ประกอบการ รวมตัวร้องทุกข์ ตำรวจแหลมฉบัง หลังถูกบริษัทรับเหมาก่อสร้างเบี้ยวจ่ายค่าวัสดุอุปกรณ์ เสียหายมากกว่า 15 ล้าน
"สุลต่านบรูไน" เสด็จเยือนไทย 28-29 เม.ย.นี้ ร่วมลงนามความร่วมมือไทย-บรูไน 2 ฉบับ
ชื่นมื่น “บิ๊กป้อม” เปิดบ้านป่ารอยต่อ กินข้าวร่วมวง “รมต.-สส.พรรคพปชร." ย้ำตั้งใจทำงานเพื่อปชช.
ประชุมเพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการน้ำและผลกระทบในเขตพื้นที่ 7 ตำบล
"บุ้ง" อดอาหาร 91 วันแล้ว ล่าสุดแน่นหน้าอก ชามือเท้า ปวดขามาก
คดีสะเทือนขวัญ ตร.เร่งล่าตัว 2 หนุ่มญี่ปุ่น ฆ่าหั่นศพเพื่อนร่วมชาติ หนีซุกประเทศเพื่อนบ้าน
มีหนาว! สะเทือน "คณะก้าวหน้า" ทำ "ธนาธร" สะดุ้งโหยง "กกต."จ่อฟันเคมเปญชี้ชวนหาแนวร่วมสมัคร ส.ว. จี้ยุติการกระทำทันที
"วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนง. 100 กว่าชีวิต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น