ย้อนอดีตกลับไปช่วงปลายปี 2561 เกิดข่าวฮือฮาในแวดวงการเมือง หลัง “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ภรรยาของฉาย บุนนาค นักธุรกิจเซียนหุ้นคนดัง ประกาศลาออกจากการเป็นผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนสวมเสื้อแจ๊คเก็ตเดินเข้าสู่ชายคาพรรคพลังประชารัฐในยุค 4 กุมาร ด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก “เสี่ยสน” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้น เป็นการเข้ามาอยู่ในพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าว มีข้อแลกเปลี่ยนปิดดีลคดีปั่นหุ้นที่ฉายซึ่งเป็นสามีตกเป็นผู้ต้องหาในชั้นอัยการแลกกับการให้ภรรยาเข้ามาซบอกพรรคพลังประชารัฐ ที่มาดามเดียร์ยืนกรานไม่เป็นความจริงไม่เกี่ยวข้องกัน ดูเหมือนในตอนนั้นทุกอย่างจะหวานชื่นทุกปัญหาถูกเคลียร์ลงตัวจบหมด แถมเส้นทางการเมืองของมาดามเดียร์ก็ยิ่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังถูกขยับขึ้นเป็นส.ส.มีที่นั่งในสภาประมาณกลางปี 2562 เธอกลายเป็นดาวเด่นที่ได้รับการจับตามองจากคนทั้งในและนอกสภา จากนั้นไม่นานมาดามเดียร์ก็ชวนกลุ่มส.ส.หญิงกทม. ตั้งกลุ่มส.ส.พลังหญิงภายใต้ชื่อ “กลุ่มดาวฤกษ์” มีสมาชิกรวม 6 คน คล้อยหลังการตั้งกลุ่มดาวฤกษ์ได้ไม่นาน มาดามเดียร์และกลุ่มดาวฤกษ์ก็โชว์ผลงานเข้าตาสุดๆ หลังลงมติงดออกเสียงไม่ลงคะแนนให้ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย ถึงขนาดอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยควันออกหูออกมาเลยว่าติดใจพฤติกรรมไม่ให้เกียรติศักดิ์สยามของกลุ่มดาวฤกษ์มากๆ ร้อนถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องลงมาอย่าศึก ด้วยการพักงานส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ในคณะกรรมาธิการต่างๆ เพื่อเป็นการลงโทษ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางเครือเนชั่นเปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทยมาตลอด โดยที่ก่อนหน้านี้ก็อัดกันมาหลายยกมีการฟ้องร้องกันไปมาทั่วประเทศจนชุลมุนวุนวายกันไปหมดหลายเรื่องหลายกรณี
ขณะที่บทบาทมาดามเดียร์ในพรรคก็ดูจะหาทางไปต่อไม่เจอ เข้ากลุ่มสายตรงอยู่กับพล.อ.ประวิตรก็ลำบาก ไปกับกลุ่มธรรมนัส 4 ช.ก็ยาก ครั้นจะไปประสานงานเข้ากับกลุ่มสามมิตร 4 ว.ก็ดูไม่ง่าย สถานะมาดามเดียร์ในพรรคก็เลยลอยไปลอยมา เป็นอิสระเอกเทศไม่ขึ้นกับใครและไม่มีใคร “เสี่ยง” ที่จะไปเอามาเข้ากลุ่ม เพราะกังวลเรื่องที่สื่อในเครือของสามีงัดข้อเปิดศึกกับพรรคภูมิใจไทย จะดึงมาเข้ากลุ่มเข้าก๊วนทุกสายก็กลัวว่าอนาคตจะไปต่อลำบาก เพราะเล่นเปิดประเด็นมีเรื่องกับเขาไปหมด ไม่แปลกที่จะมีข่าวมาดามเดียร์งอแงเตรียมชิ่งออกจากพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นตลอด แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธไม่มีมูลความจริงยังไม่มีความคิดจะย้ายพรรค แต่วงในก็ยืนยันว่ามาดามเดียร์และทีมงานต่อสายถึงทุกกลุ่มคุยกับทุกพรรค ทั้งพรรคเก่าในวงการและพรรคใหม่ที่กำลังจะตั้งขึ้น หากมีข้อเสนอที่ดีมีทางออกที่ดูมีอนาคตมากกว่า ก็พร้อมเก็บผ้าหอบผ่อนออกจากพรรคพลังประชารัฐได้ทันที ด้วยเหตุที่ว่าทั้งหมดนี้พลอยทำให้คอการเมืองเริ่มวิเคราะห์อนาคตอันใกล้ มีโอกาสไม่น้อยที่มาดามเดียร์จะทิ้งพรรคพลังประชารัฐ ไม่อยู่กับพล.อ.ประวิตร ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป
จับสัญญาณจากสื่อเครือเนชั่นเริ่มตีเริ่มรุกไล่พล.อ.ประยุทธ์มาสักพักใหญ่แล้ว ภาพใหญ่ก็เอากระแสเรื่องบริหารโควิด-19 ผิดพลาดมาเป็นอัด แต่ระหว่างทางก็แทรกมีดทิ่มพล.อ.ประยุทธ์ทุบรัฐบาลไปตลอด หลายช่วงหลายรายการในทีวีก็แซะนายกฯอัดศบค.แบบคาบลูกคาบดอกเป็นประจำ ล่าสุดในรายการ “ข่าวข้น คนข่าว” ช่วงสองทุ่มเศษวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา 2 พิธีกร อย่าง วีระศักดิ์ พงษ์อักษร และ บากบั่น บุญเลิศ ก็เปิดหน้าวิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 อัดพล.อ.ประยุทธ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแบบเต็มๆ ตั้งหัวรายการ ” รัฐล้มแล้ว ? ” โปรยข้อความไตเติ้ลรายการด้วยประโยคเผ็ดร้อน “รัฐบาลฆาตกร” หยิบยกการบริหารจัดการเชื้อโควิด-19 ภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวผิดพลาด เอาข้อมูลตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. ถึง 2 ก.ค.2564 มาขยี้ละเอียดยิบ ไล่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ 3,000 เศษมาจนถึง 6,087 คน ที่เป็นตัวเลขคนติดเชื้อล่าสุด (2 ก.ค.2564) พูดทุกเม็ดเหน็บทุกดอก ตั้งแต่เรื่องประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วย การบริหารจัดการเตียงคนไข้ ตัวเลขคนป่วยคนโคม่า ฯลฯ อัดการรักษาคนติดเชื้อให้หายป่วยและกระบวนการจัดการของภาครัฐมีปัญหาไร้ประสิทธิภาพ
ตำหนิ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯสมช.ในฐานะประธานศบค.ชุดเล็ก ที่เป็นขุนพลปราบโควิด-19 คนสำคัญกระทบชิ่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ ปิดแคมป์คนงานแต่ส่งทหารไปช้า สุ่มตรวจคนตามชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑลน้อยเกินไปทำให้ไม่สามารถตรวจสอบคัดกรองคนติดเชื้อเพื่อนำไปรักษาได้ทันท่วงที จากนั้นวกกลับมาบดขยี้ประเด็นร้อน ยกกรณีนพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บ.ธนบุรีเฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด มหาชน ออกมาปูดเรื่องรัฐบาลไม่ยอมเซ็นสัญญาซื้อวัคซีนโมเดอร์นาเข้ามาเป็นทางเลือกให้โรงพยาบาลเอกชนฉีดให้ประชาชน เอาข่าวสำนักงานอัยการสูงสุดปฏิเสธยังไม่เห็นสัญญาจัดซื้อวัคซีนทางเลือกมาถึงมือโหมเชื้อไฟให้คนเข้าใจผิดรัฐบาล
ก่อนปั้นข่าวยืนโจมตี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สธ. เป็นคนรับผิดชอบระบบสาธารณสุขของประเทศไทย แต่ดันปัดความรับผิดชอบนำเข้าวัคซีนทางเลือกไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง ทั้งๆที่บ้านเมืองอยู่ในยามสงคราม เข้าโหมดภาวะวิกฤติสู้รบขั้นแตกหักกับเชื้อโควิด คนไทยป่วยไข้วันละหลายพันคนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่อนุทินยังโบ้ยความรับผิดชอบให้คนอื่น สุดท้ายปลายทางตั้งคำถามปลายเปิดลอยลมกระแทกกระทั่นถึงนายกฯ ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และ รัฐบาล ” ถ้าทำงานกันเช่นนี้ รัฐจะfailed state (รัฐล้มเหลว)หรือไม่” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ “ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงเป็นแบบนั้น ดูท่าจะไม่มีอะไรฝากความหวังกับรัฐบาล เหนื่อยไหมครับ” ก่อนทิ้งถามคำถามถึงพล.อ.ประยุทธ์ จะจัดการหาวัคซีนทางเลือกให้ประชาชนยังไง จะจัดการยังไงให้กระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบชีวิตประชาชนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำถ้าไม่ทำจะพังทลาย
ได้ยินเครือเนชั่นออกโรงขย่มศบค.แบบนี้ ไม่รู้พล.อ.ประยุทธ อนุทิน พล.อ.ณัฐพล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรู้สึกอย่างไร จะปล่อยให้เขาด่าไปเรื่อยๆ หรือลุกขึ้นมากอบกู้ภารกิจเพื่อชาติของตัวเอง การถูกตราหน้าว่ากำลังทำให้ชาติกลายเป็นรัฐฆาตกร เป็นใครก็คงยอมไม่ได้
ซึ่งต้องดูว่าหลังจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบโต้เอาคืน เครือเนชั่นในเรื่องนี้อย่างไร??