ตร.เตรียมออกหมายเรียก “นารา เครปกะเทย” เข้าข่ายหมิ่นประมาท ผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์

จากกรณีที่นายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ นารา เครปกะเทย ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กกล่าวพาดพิงถึง นายธราวุฒิ ฤทธิอักษร ผู้สื่อข่าวท็อปนิวส์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 หลังลงพื้นที่ไป จ.สระบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวสุภัคชญา ชาวคูเวียง หรือ หนูรัตน์ เป็นหนึ่งในผู้แสดงจากคลิปโฆษณาแคมเปญลดราคาของลาซาด้าร่วมกับนารา เพื่อติดตามข้อเท็จจริง คลิปโฆษณาดังกล่าวมีเนื้อหาล้อเลียนผู้พิการและพาดพิงสถาบันเบื้องสูง โดยบางช่วงบางตอนของการไลฟ์ของนารา มีการกล่าวพาดพิงถึงนายธราวุฒิว่า

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“… นักข่าวเสียมารยาทมากที่สุด ที่ไปบุกบ้านหนูรัตน์ เราเห็นใจหนูรัตน์ด้วย ถ้าคนไม่ออกมาบอกว่า นาราบูลลี่คนพิการ ก็จะเฉยเงียบไปเลยเรื่องนี้ เริ่มกันที่เรื่องแรกที่จะพูดก่อน เรื่องนักข่าวไปที่บ้านหนูรัตน์ นักข่าวไร้จรรยาบรรณมาก นักข่าวคือไปหาหนูรัตน์ยันบ้าน ทั้งๆที่บอกแล้วว่าหนูรัตน์ไม่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งเราก็บอกว่าไม่ต้องให้สัมภาษณ์หรอกหนูรัตน์ เพราะให้สัมภาษณ์ไป หนูรัตน์ก็พูดไม่รู้เรื่อง อีกอย่างเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ได้ช่วยกันปิดข่าว แต่ไม่อยากให้นักข่าวมาทำกระแส สุดท้ายแล้วนักข่าวคนนี้ ไม่มีจรรยาบรรณอะไรเลย …” กระทั่งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 เวลา 16.30 น. นายธราวุฒิ ฤทธิอักษร ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับนารา ฐานหมิ่นประมาทที่ สภ.บางแก้ว โดยนายธราวุฒิ กล่าวถึงการมาแจ้งความในวันนี้ต้องการออกมาปกป้องศักดิ์ศรี ในวิชาชีพของตนเอง และยังกล่าวถึงการไลฟ์ของนาราว่า แม้นาราจะไม่มีการเอ่ยชื่อว่าเป็นนักข่าวคนใด แต่ในวันดังกล่าวมีเพียงตนเองคนเดียวเท่านั้น ที่ลงพื้นที่ไปยังบ้านหนูรัตน์ ที่จังหวัดสระบุรี นอกจากนี้นายธราวุฒิ ยังกล่าวตอบโต้ในประเด็นที่กล่าวหาว่าเป็นนักข่าวที่ไร้จรรยาบรรณ ซึ่งถือเป็นคำพูดที่รุนแรงในวิชาชีพสื่อสารมวลชน ซึ่งไม่อาจยอมรับได้

ล่าสุดวันนี้ (4 มิถุนายน 2565) พ.ต.ท.ธนเดช ปัญญาลิขิตกุล พนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว ได้เชิญนายธราวุฒิ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม นอกจากนี้นายธราวุฒิได้นำคลิปการไลฟ์เฟซบุ๊ก ที่นารากล่าวหมิ่นประมาท มอบให้กับพนักงานสอบสวน รวมทั้งนำพยานบุคคลเข้าให้การเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ทางตำรวจจะออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้นาราเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา หากไม่เดินทางมาจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และออกหมายจับในลำดับต่อไป อย่างไรก็ตามนายธราวุฒิ ยังคงยืนยันว่าการลงพื้นที่ไปบ้านหนูรัตน์ในวันดังกล่าว เป็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาตนได้ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนอย่างไปตรงมา ไม่เคยโจมตีใคร พร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินคดีนาราให้ถึงที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เจ้อเจียงเปิดตัว 'แพลตฟอร์มท่องเที่ยว' พลัง AI
กกล.บูรพา รวบ 2 สาวไทย อ้างถูกหลอกทำงานปอยเปต เบื้องหลังรับจ้างข้ามแดนเปิด "บัญชีม้า-สแกนหน้า" ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
“50 ปีไม่มีแก่” คำนี้ไม่มีอยู่จริงสำหรับคุณอาร์ต วศิน วรรณพฤกษ์ ผู้บริหารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง
ศน. ต่อยอดกิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ “ตักบาตรทางน้ำริมคลองข้าวตอก จังหวัดพิจิตร” ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนเข้าวัด น้อมนำหลักธรรมดำเนินชีวิต
รมว.คลัง โต้ลือ "สหรัฐ" ตัดสินใจเก็บภาษีไทย 36% แจงเร่งยื่นข้อเสนอใหม่ก่อน 9 ก.ค. นี้
"ศิริโชค" อดีตสส.สงขลา โพสต์อัปเดต จับมือลอบเผารถยนต์ได้แล้ว เร่งขยายผลผู้จ้างวาน ไม่หวั่นอิทธิพลมืด
เหยื่อร้อง Top News ถูกตัวแทนนายหน้าประกัน โกงค่าสินไหมอุบัติเหตุกว่าแสน เชื่อทำเป็นขบวนการ
"จีน-เมียนมา-ไทย" เห็นพ้อง ร่วมมือยกระดับกวาดล้างเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เมืองเมียวดี
“นันทิวัฒน์” ตอกย้ำเขมร ปราสาท “ตาเมือนธม” เป็นของไทยตั้งแต่อดีต ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อกัมพูชา
เจอแล้ว! “รั้วกั้น-หมุดหลักเขต” นับ 100 หมุด ชี้ชัด 3 ปราสาทอยู่ในแผ่นดินไทย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น