คลิปเสียงสนทนาระหว่าง “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่หารือกับจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่เป็นน้องสาวของนิสิต สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดง และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบุกจับแพลตฟอร์มขายลอตเตอรี่ออนไลน์ และ โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมถึงเรื่องเงินเพื่อช่วยหาเสียง 15 ล้านบาท ที่สุดก็กลายเป็นปมร้อนทำพิษให้ล่าสุด เสกสกลต้องประกาศ แถลงลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาล เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความรู้สึกของประชาชน และไม่ทำให้เจ้านายที่ได้ให้ความไว้วางใจอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องมัวหมองเดือดร้อน โดยเฉพาะกับการมอบหมายให้เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา
แต่สุดท้ายแรมโบ้ก็มาพลาดมาตกม้าตายด้วยคำพูดของตัวเอง ที่ถูกมือดีอัดคลิปไว้แล้วนำมาเผยแพร่ จนถูกฝ่ายค้านฝ่ายแค้นฝ่ายตรงข้ามโจมตีในลักษณะ ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง คลิปลับที่เกิดขึ้นของเสกสกลเป็นเหตุให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และมีการตั้งข้อกล่าวหาหลากหลายประเด็นทางการเมือง งานนี้เรียกว่าเป็นวิบากกรรมทางการเมืองในรอบ 3 ปีที่หนักสุดของเสกสกลนับแต่เข้ามาช่วยงานนายกฯในทำเนียบรัฐบาล สุดท้ายเรื่องนี้ก็กลายเป็นจุดอ่อน กลายเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอของขุนพลอีสาน ที่สู้รบปรบมือกับฝ่ายตรงข้าม ปกป้องนายกฯมาสารพัดเรื่อง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มาก แต่สุดท้ายต้องมาตายน้ำตื้นเพราะเรื่องที่ตัวเองต้องเข้ามารับผิดชอบแท้ๆ
” เรื่องนี้ควรจะได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งอาจใช้เวลานานพอสมควรในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ และเพื่อเป็นตัวอย่าง และบรรทัดฐานจริยธรรมทางการเมือง รวมถึงเมื่อปรากฏเป็นข่าวที่อาจกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของทีมงานนายกฯเช่นนี้ ผมคิดว่าไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ผมไม่ขอเป็นฟันเฟืองที่ชำรุด ที่ทำให้เครื่องยนต์กลไกในการขับเคลื่อนของรัฐบาลต้องมีปัญหา ไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน แม้ยังไม่ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง ก็ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ” เสกสกลเปิดใจระหว่างไขก๊อก
ต้องบอกว่าการลาออกของแรมโบ้อีสานเที่ยวนี้ส่งผลกระทบกับพล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากมองว่าเสกสกลคือขุนพลฝ่ายบู๊เคียงข้างกายนายกฯตัวจริงเสียงจริง ที่ต่อสู้รบรากับศัตรูฝ่ายตรงข้ามของพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอดนับครั้งไม่ถ้วน จนได้รับการสถาปนาขึ้นชั้นมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ การเสียเสกสกลไปเที่ยวนี้ทำให้บิ๊กตู่สูญเสียองครักษ์พิทักษ์นายกฯคนสำคัญไปอีกคน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เสียสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งพ้นการเป็นส.ส.เพราะเหตุต้องคดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นในอดีต ถัดมาก่อนหน้านี้ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐก็ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต จากกรณีบุกรุกที่ป่าสงวนในจ.ราชบุรี ล่าสุดก็เป็นแรมโบ้ที่ต้องดวงตกหมดโอกาสทำหน้าที่ปกป้องพล.อ.ประยุทธ์พิทักษ์รัฐบาลจากเหล่าภัยพาล
งานนี้เสียทั้งขึ้นทั้งร่องฝ่ายแรมโบ้ก็เสียโอกาสโชว์ฝีมือโชว์ผลงานตัวเอง ทั้งๆที่กำลังได้โอกาสจากนายกฯได้ความไว้วางใจจากเจ้านาย ชงหวานให้โชว์ผลงานปราบหวยช่วยชาวบ้าน ร่วมกับ “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอจากการเสนอขายขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินในราคาเกินกว่าที่กำหนด หวังให้แรมโบ้เก็บประสบการณ์สะสมผลงานให้ชาวบ้านเห็น เผื่ออนาคตอาจโปรโมตให้ได้ลุ้นตำแหน่งใหญ่กว่านี้หรือขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีกับเขาบ้าง แต่เพราะความไม่รอบครอบรับงานใหญ่แล้วใจไม่นิ่งพอ จึงผิดจึงพลาดแบบที่ไม่อาจโทษใครได้เพราะเป็นความประมาทเลินเล่อของตัวเอง ข้างฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ก็คงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะเหล่าขุนศึกข้างกายและบรรดาองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ต่างล้มหายตายจากมีอันเป็นไปตามเหตุและผลที่แตกต่างกัน แถมยังมาเกิดในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานปีสุดท้ายโค้งสุดท้ายของรัฐบาลพอดิบพอดีอีก ที่นับจากนี้ยังมีด่านหินๆ มีศึกใหญ่อีกหลายยกหลายกรณีให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องฟันฟ่า
โดยเฉพาะหลังเปิดสภา 22 พ.ค.นี้ นายกฯมีคิวถูกจองกฐินโดนถล่มจากฝ่ายค้านฝ่ายตรงข้ามเพียบ เริ่มจาก 1-2 มิ.ย. อภิปรายพ.ร.บ.งบประมาณ ประจำปี 2566 ถัดจากนั้นก็อาจจะต่อด้วยศึกซักฟอกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแบบลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ ม.151 ที่ยังไม่แน่ว่าพรรคฝ่ายค้านจะวางตำแหน่งการเปิดอภิปรายไว้ตอนไหนอย่างไร เพราะอย่างที่ทราบในรอบ 1 ปีจะยื่นซักฟอกแบบมีผลได้แค่ครั้งเดียว ถัดไปนายกฯก็ต้องลุ้นเรื่องของการตีความการทำหน้าที่ไม่เกิน 8 ปีของนายกฯ ที่จะครบกำหนดตามที่ฝ่ายค้านนับไว้คือ 23 ส.ค. 2565 ก็ต้องไปลุ้นศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก ถัดจากนั้นก็จะต้องเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเอเปกอีกในราวกลางเดือนพ.ย. แต่ละช่วงแต่ละจังหวะเวลาพล.อ.ประยุทธ์จำต้องมีลูกขุนพลอยพยัคฆ์ คอยต่อสู้ทำสงครามรบพุ่งกับฝ่ายตรงข้าม เพราะเชื่อแน่ว่าจากนี้ในครึ่งปีหลังจะต้องมีการเมืองร้อนๆเรื่องแรงๆเกิดขึ้นไม่จบสิ้น
นอกจากนี้ในส่วนของแรมโบ้เองอย่าลืมว่านอกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฯแล้ว เขายังมีอีกหัวโขนในการเป็นแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ใครก็รู้กันอยู่ว่าเป็นพรรคอะไหล่พรรคเบอร์สองพรรคแสตนบายด์ทางการเมืองของนายกฯ กรณีเผื่อเหลือเผื่อขาด พรรคพลังประชารัฐมีปัญหา ไม่ว่าจะถูกยุบพรรค เสื่อมความนิยม พรรคแตก หรืออะไรก็แล้วแต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังพอมีพรรคลง มีคนเสนอชื่อให้เป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ไม่ต้องโดดเดี่ยวไม่ต้องเคว้ง แต่พอตัวตั้งตัวตีอย่างแรมโบ้ไม่อยู่ เพราะประกาศขอเว้นวรรคในช่วงเคลียร์คดี จากนี้แล้วใครจะมาเดินหน้าพรรคทำการเมืองแทน เพราะที่เหลือๆอยู่ทั้ง “ปองพล-ปรพล” อดิเรกสาร ก็ไม่ใช่เบอร์ใหญ่หรือนักการเมืองแม่เหล็ก จะหวังพึ่ง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาคย์ ที่ปรึกษานายกฯที่เพิ่งลาออกจากพรรคพลังประชารัฐมาไม่นานก็คงยาก งานนี้เลยไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะคิดยังไงจะเอาอย่างไรต่อหลังแรมโบ้ไขก๊อกไม่อยู่แล้ว จะยังเดินหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไหมหรือจะไปตายรังวัดดวงไปตายเอาดาบหน้ากับพรรคพลังประชารัฐ ที่อนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะออกลูกผีหรือลูกคน แถมพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นับวันก็เขี้ยวรากดิน ลับ ลวง พราง จนอ่านใจยากเหลือเกิน ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ งานนี้ได้แต่สงสารบิ๊กตู่เหนื่อยบริหารบ้านเมืองก็ว่าหนักแล้ว ยังต้องมาบริหารการเมืองอีก ลุ้นกันยาวๆว่านายกฯจะฝ่าอุปสรรคไปรอดตลอดรอดฝั่งหรือไม่
////////////////////