คดีฉาวสุดโด่งดังที่เกิดขึ้น ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังมีกระแสข่าวตกเป็นผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวอายุ 18 ปี โดยแม่ผู้เสียหายไปร้องเรียนกับ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ก่อนจะกลายเป็นข่าวใหญ่โตในสังคมไทย ถัดจากนั้นมาก็มีผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาวทยอยเปิดตัวว่าตกเป็น “เหยื่อ” การคุกคามทางเพศของนักการเมืองคนดังอีกเป็นจำนวนมาก ในลักษณะต่างกรรมต่างวาระต่างสถานที่ด้านปริญญ์ยังยืนยันกระต่ายขาเดียวกับข่าวคาวที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียว่าเป็นการใส่ร้ายมีความพยายามดำเนินการในเรื่องนี้แบบเป็นขบวนการ พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และ ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดี อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพรรคต้นสังกัด จึงตัดสินใจขอลาออกจากตำแหน่งทั้งหมดเพื่อแสดงรับผิดชอบและเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของตำรวจ “ช็อก และตกใจจากใจจริง ไม่คิดว่าจะมีข้อกล่าวหาอย่างนี้ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น และเป็นเรื่องที่ไม่จริง เพราะฉะนั้นผมยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง” ปริญญ์กล่าวเปิดใจกับสื่อในครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวฉาวสะท้านวงการ
นับเป็นคราวใหญ่สะเทือนวงการการเมืองในช่วงเดือนเมษายน 2565 ชนิดที่กวาดข่าวในกระแสการเมืองก่อนหน้านี้ อย่างการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่จะเลือกกันในวันที่ 22 พ.ค.2565 ตกขอบหลุดความสนใจของชาวบ้านไปเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กระแสเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ครั้งแรกในรอบ 9 ปีกำลังมา แต่พอมาเจอเรื่องปริญญ์เข้าไปทีเดียว ข่าวชิงอำนาจบริหารเสาชิงช้าเรียกว่าจบเห่ไปเลย เพราะเรื่องการคุกคามทางเพศนั้นเป็นประเด็นที่คนไทยสนใจอยู่แล้ว ยิ่งคนตกเป็นข่าวเป็นคนดัง เป็นนักการเมืองระดับรองหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ เป็นลูกชายคนดังระดับโลก อย่าง “ดร.ซุป” ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกฯยุคนายหัวชวน และเคยเป็นอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) รวมถึง อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) นั้นจึงทำให้ข่าวนี้ได้รับความน่าสนใจเป็นเท่าทวีคูณ
ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องลึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าวัดจากจำนวนผู้เสียหายที่เป็นสตรีมีการออกมาเปิดตัวแจ้งความและดำเนินคดีกับปริญญ์มากขึ้น ก็ต้องบอกว่าอนาคตของปริญญ์ในวัย 44 ปี อดีตที่เคยเป็นเด็กจบนอก ศึกษาระดับไฮสคูลที่โรงเรียนมิลล์บรูกเฮาส์ โรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์ ประเทศอังกฤษ จบปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน จบออกมาเป็นนักเศรษฐศาสตร์และการเงิน เคยทำงานกับเอกชนหลายแห่ง เคยดำรงตำแหน่งในหน่วยงานของไทยมากมาย
ก่อนก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองในปี 2562 ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ โดยความเห็นชอบของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ช่วงนั้นมีข่าวซุบซิบว่าการมาของปริญญ์ ทำให้กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคคุมเศรษฐกิจในตอนนั้นอึดอัด จนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไขก๊อกออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งพรรคกล้า ส่วนปริญญ์หลังเข้าพรรคมาก็ได้รับมอบหมายภารกิจและงานสำคัญๆจากจุรินทร์เรื่อยมา ทั้งการเป็นคนคุมเศรษฐกิจของพรรค และถูกดึงตัวไปช่วยงานพาณิชย์หลายเรื่อง ล่าสุดเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ปริญญ์ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรคเพื่อช่วยเหลือ “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ สู้ศึกเลือกตั้งคราวนี้
แต่ทำไปทำมาดูเหมือนงานนี้ปริญญ์จะดังเป็นพลุแตกเหนือกว่าดร.เอ้ไปแล้ว และผลแห่งการคุกคามเพศตรงข้ามของปริญญ์ก็ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างโดยเฉพาะกับพรรคประชาธิปัตย์ต้นสังกัด อาจจะเรียกว่าปริญญ์คนเดียว เสียวทั้งพรรค ประการแรกงานนี้ทางดร.เอ้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะพรรควางตัวปริญญ์เป็นหัวหอกในการคุมเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กับส.ก.กรุงเทพ แต่ตัวแม่ทัพกลับมาทำเรื่องมัวหมอง ใจบาปหยาบช้ากับผู้หญิงแบบนี้ เสียหายยับเยินจริงๆ ดร.เอ้ลงพื้นที่คงโดนหางเลขไปเต็มๆ โชคดีหน่อยที่ไม่ใช่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ยังพอมีเวลาให้ทีมงานดร.เอ้กู้ศรัทธา อย่างน้อยก็พอถูไถไปได้ว่าเป็นแค่ทีมงานไม่ใช่เรื่องตัวเองทำ แต่พิษปริญญ์รอบนี้ก็ทำให้ดร.เอ้อ่วมอรทัยไปไม่น้อย
แต่ที่โดนจัดหนักรับไปเต็มๆก็คือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงก็ขาลงคะแนนก็ตกต่ำ เลือกตั้งปี 62 คราวที่แล้วกทม.ไม่ได้ส.ส.เลย ทั่วประเทศได้ไป 53 คน คราวนี้ทุกคนก็พยายามกอบกู้ชื่อเสียงพรรค แต่คงยากแล้วหลังเจอกรณีปริญญ์ งานนี้ต้องบอกว่าเล๊ะตุ้มเป๊ะ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้หลายยุคหลายสมัยพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยมีข่าวมีคาว ซุบซิบเรื่องพรรค์อย่างนี้มาตลอด ไม่หลุดไม่พ้นบ่วงกรรมเรื่องนี้เสียที ทั้งแกนนำ ทั้งส.ส. เป็นข่าวบ้าง ซุบซิบบ้าง กอสซิบกันวงเล็กๆบ้าง แต่มารอบนี้ปริญญ์คนเด่นนามสกุลดังหยิบเรื่องที่ถูกเม้าท์อยู่ใต้พรหม ออกมาทำให้สังคมรับรู้โดยทั่วถึงกัน ชนิดที่คนดีๆในพรรคต้องเอาหน้าซุกแผ่นดิน
หนำซ้ำผลประทบที่เกิดขึ้นก็ทำให้พรรคซึ่งมีปัญหาหลายก๊กหลายก๊วน ไม่เป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้วจากสารพัดปัญหาในอดีตก็แตกดังโพ๊ะ กรณีซัดกันเละในไลน์พรรคนั้นแค่น้ำจิ้ม ของจริงเรื่องจริงหนักกว่านั้นเยอะ สงสารผู้อาวุโสพรรคอย่างคุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร คงเก็กซิมกันเรื่องนี้ ด้านหนึ่งที่กระแสแรง เพราะคนนอกมองง่าาพรรคไม่เต็มที่ไม่เด็ดขาดกับการเอาผิดปริญญ์ ฝ่ายลูกพี่จุรินทร์ก็พูดอ้อมๆแอ้มๆกับเรื่องนี้ ไม่พูดให้ชัดเคลียร์ให้กระจ่างกับความผิดของปริญญ์ เพราะเป็นคนเอาเข้ามาอยู่พรรค งานนี้เลยถูกมองว่าอุ้มปริญญ์ไม่สนกระแสสังคม ดูเบาไปกับความผิดใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นจากคนในพรรคใกล้ชิดตัวเอง จะมีคนในพรรคที่ออกตัวมารับหน้าสื่อและสังคมอย่างกล้าหาญก็เป็นเหล่าส.ส.หญิงเหล็กของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างรัชดา ธนาดิเรก รัชฏาภรณ์ แก้วสนิท พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ที่ออกมาขอโทษคนไทยในนามพรรค พร้อมแอ่นอกยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกคนที่เป็นเหยื่อ และพรรคจะไม่มีการปกป้องใคร
งานนี้ก็ต้องจับตาดูว่าผลของเรื่องนี้จะพาพรรคเก่าแก่ที่ประกาศตัวเป็นสถาบันการเมืองจะบอบช้ำขนาดไหน ล่าสุดวันนี้ 18 เม.ย. เครือข่ายเฟมินิสต์ปลดแอกก็เต้นสีดาลุยไฟขับไล่ตัวการพรรคนี้ พร้อมเรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรครับผิดชอบ ส่วนศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยก็ไปยื่นคำร้องต่อกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้ใช้อำนาจแจ้งไปยังพรรคประชาธิปัตย์ให้ขับปริญญ์พ้นสมาชิกพรรค หลังถูกกล่าวหาและถูกฟ้องร้องต่อศาลว่าทำอนาจารและข่มขืนหญิงอื่นหลายราย ทั้งนี้หากพรรคยังนิ่งเฉยไม่ทำอะไร กรรมการบริหารพรรคมีสิทธิ์งานเข้าถูกร้องพ้นสภาพแกนนำพรรคแบบไปกันทั้งยวงได้เลย ต้องตามดูว่าระเบิดเวลาที่ชื่อปริญญ์จะทำให้สถาบันการเมืองเก่าแก่ย่อยยับขนาดไหนในคราวนี้ เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. รวมถึงส.ก.กรุงเทพฯ น่าจะให้คำตอบเรื่องนี้ได้
///////////////////////////