ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเรามีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือรักษาการผู้ว่าฯกทม.มาแล้วทั้งสิ้น 16 คน ตั้งแต่ยุคชำนาญ ยุวบูรณ์ ที่ถือเป็นผู้ว่าฯกทม. ตอนนั้นยังเรียกว่า “นายกเทศมนตรีนครกรุงเทพ” ที่มาจากการแต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทย ช่วงปี พ.ศ. 2516 จวบจนถึงยุคพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ในปัจจุบัน 2565 ที่มาของผู้ว่าฯกทม.ก็มีทั้งแต่งตั้งและเลือกตั้ง ตามแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละยุคแต่ละสมัย ล่าสุด 22 พ.ค.2565 ภายใต้การบริหารงานของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ก็จัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง โดยนับเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งที่ 9 หลังจากที่เคยมีการเลือกผู้ว่าฯกทม.เป็นครั้งแรกเมื่อ 10 ส.ค.2518 โดยครั้งนั้นธรรมนูญ เทียนเงิน ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กระโดดลงมาสมัครผู้ว่าฯกทม. ก่อนชนะการเลือกตั้งโดยได้ไป 99,247 คะแนน ส่วนที่ 2 ในตอนนั้นตกเป็นของ อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้ากองวิชาการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) มาสังกัดพรรคพลังใหม่ ก่อนกวาดคะแนนคนกรุงเทพฯชั้นในไปได้ถึง 91,678 คะแนน แต่ไปแพ้ธรรมนูญจากคะแนนเสียงกรุงเทพชั้นนอก
ความจริงมุมในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งที่ 9 เที่ยวนี้มีเรื่องที่น่าสนใจมากมายหลากหลายแง่มุม แต่หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งคือ ตลอดระยะเวลาที่นายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดีอย่างทักษิณ ชินวัตร เริ่มสร้างอาณาจักรตั้งคอกชินวัตร นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 จวบจนถึงทุกวันนี้ กว่า 2 ทศวรรษ 24 ปี เคยส่งผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว 4 คนแต่ตกม้าตายไม่เคยถึงฝั่งฝันแม้แต่ครั้งเดียว เริ่มจาก 23 ก.ค.2543 ยุคทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยใหม่ๆตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคไทยรักไทยส่ง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลงชิงชัยผู้บริหารเสาชิงช้าแข่งกับ “ลุงหมัก” สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ผลปรากฎว่าเจ๊หน่อยพ่ายแพ้สมัครแบบหลุดลุ่ยชนิดทิ้งห่างเกือบครึ่งแบบไม่เห็นฝุ่น โดยสมัครกวาดคะแนนจากคนกรุงไป 1,016,019 คะแนน ประกาศศักดาเป็นผู้ว่าฯกทม.คนแรกที่ได้คะแนนเสียงเกินล้าน ด้วยการชูคำขวัญ “ถ้าจะใช้ผม กรุณาเลือกผม” และไม่ขอร่วมขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์กับใครเพราะถือว่าพรรษาทางการเมืองสูงกว่าคนอื่นมาก ขณะที่เจ๊หน่อยพ่ายแพ้การเลือกตั้งแบบย่อยยับโดยได้คะแนนไปแค่ 521,184 คะแนน เปิดฉากฝ่ายทักษิณคนแรกในสนามกทม.แบบเจ็บช้ำ
ถัดจากนั้นมา 5 ต.ค.2551 หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค ทักษิณสั่งตั้งพรรคพลังประชาชนขึ้นมาเป็นบ้านหลังใหม่ รอบนี้ส่งประภัสร์ จงสงวน ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่และกำลังเนื้อหอมเรื่องขายฝันบริหารจัดการระบบราง ที่สุดก็ไขก็อกลาออกมาลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชนแข่งกับ “หล่อกลาง” อภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่เป็นเจ้าของตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.มาแล้ว 1 สมัย แต่มาคราวนี้ที่ขอลงป้องกันแชมป์อีกครั้ง ผลการเลือกตั้งปรากฎว่าประภัสร์พ่ายอภิรักษ์ย่อยยับได้คะแนนไป 543,488 คะแนน ขณะที่หล่อกลางอภิรักษ์คว้า 991,0178 คะแนน ได้เป็นผู้ว่าฯสมัย 2 ที่มาจากการเลือกตั้งคนที่ 2 ต่อจาก “มหา 5 ขัน” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
หลังพ่ายแพ้สนามกรุงเทพฯ มา 2 ครั้งติดต่อกัน ทักษิณก็ยังไม่เข็ดกับการส่งคนยึดเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ให้สำเร็จ รอบที่ 3 เกิดขึ้นในยุคพรรคเพื่อไทย เมื่อ 11 ม.ค.2552 รอบนี้ตัดสินใจทิ้งไพ่เด็ดขอส่งพระเอกหนุ่มตลอดกาล “แซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี ลงวัดกำลังกับ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ทักษิณมั่นใจมากว่ารอบนี้ตัวแทนฝ่ายตัวเองจะชนะเลือกตั้งล้างอาถรรพ์เสาชิงช้าได้สำเร็จ ที่ไหนได้กลับแพ้ซ้ำซากผิดหวังคำรบ 3 หลังยุรนันท์หมดสภาพพระเอกในจอทีวีเพราะพ่ายแพ้ให้กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์โดยได้คะแนนจากคนกรุงไป 611,669 คะแนน ฝ่ายคุณชายหมูกวาดเสียงไป 934,602 คะแนน ผงาดคุมกรุงเทพฯนั่งเป็นผู้ว่าฯกทม.สมัยแรก
หลังครบวาระ 4 ปีต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่ 3 มี.ค.2556 คือวันนี้ทักษิณหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างมากว่าจะล้างแค้นคุณชายหมู ลบอาถรรพ์เสาชิงช้าศาลาว่าการกทม.ไม่มีที่ว่างให้คนฝ่ายทักษิณเครือข่ายตระกูลชินเข้ามาทำงานได้ รอบนี้เป็นพรรคเพื่อไทยในยุคสมัยที่มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีการคัดหัวกะทิเลือกเอานายตำรวจดังระดับประเทศอย่างพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่กำลังดังเป็นพลุแตกในตำแหน่งโทรโข่งกรมตำรวจลงมาแข่งชิงกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เลย ตั้งมั่นหวังเต็มที่ว่าพล.ต.อ.พงศพัศจะล้างอายแก้ขายหน้าได้ รอบนี้ความฝันของทักษิณใกล้เคียงที่สุดพล.ต.อ.พงศพัศได้คะแนนจากคนกรุงท่วมท้นเกินล้านถึง1,077,899 คะแนน แต่ช้าก่อนเพราะบุญมีแต่กรรมบังเนื่องจากตัวคุณชายหมูเองก็ได้คะแนนจากคนกรุงชนิดฟ้าถล่มดินทลายสูงเป็นประวัติกาลถึง 1,256,349 คะแนน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กลายสภาพเป็น “คุณชายหมูตอร์บิโด” เป็นสิบล้อแหกโค้งเทกระจาดเข้าใส่งานเลี้ยงฉลองชัยผู้ว่าฯกทม.ของพรรคเพื่อไทยกร่อยไปสนิท ยิ่งลักษณ์ปวดใจทักษิณเจ็บช้ำ ขนาดคนฝ่ายตัวเองกำคะแนนล้านกว่าจากคนกรุงแต่ฟ้าดินยังลงโทษไม่ให้บริหารเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.
ทั้งหลายทั้งมวลคือ 4 ครั้ง 4 คน จากวันนั้นถึงวันนี้รวม 24 ปีแล้ว ที่ผู้สมัครฝ่ายทักษิณตัวแทนคอกชินวัตรไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเทพให้นั่งเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว 22 พ.ค.2565 รอบนี้ “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตราชรถ 1 เจ้าของเก้าอี้รมว.คมนาคมยุคยิ่งลักษณ์ ที่ประกาศตัวตั้งแต่ไก่โห่ 2561 ขอโอกาสคนกรุงเป็นผู้ว่าฯกทม. อย่าได้แปลกใจเหตุใดชัชชาติถึงประกาศตัวเป็นผู้สมัครอิสระ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ขอลงแข่งในสีเสื้อพรรคเพื่อไทยสังกัดคอกนายใหญ่ เพราะกลัวซ้ำรอยเดิมเป็นครั้งที่ 5 เพราะรู้ดีคนเมืองหลวงไม่ชอบทักษิณไม่อินกับการถูกตระกูลชินครอบงำ รอบนี้เลยขอ “ลับ ลวง พราง” ประกาศลงอิสระไม่ยุ่งกับทักษิณ แต่คนกรุงไม่โง่รู้กันอยู่แล้วว่าผู้ชายที่แข็งแกร่งในปฐพีมีพรรคเพื่อไทยคอยดุนหลังมีทักษิณคอยชักใย อิสระไม่แท้เสรีไม่จริง เลือกตั้งเที่ยวนี้ต้องวัดใจคนกรุง จะเปิดใจให้ชัชชาติผู้สมัครอิสระแต่เป็นตัวแทนฝ่ายทักษิณ เต็งหนึ่งที่มาแรงทุกโผจากโพลล์ทุกสำนัก ลบอาถรรพ์คอกนายใหญ่ไม่เคยได้ใจคนกรุงได้หรือไม่ 22 พ.ค.นี้รู้กัน
//////////////