สธ.เปิดสถิติยัน “ยาฟาวิพิราเวียร์” รักษาผู้ป่วยโควิดได้ผลดี

สธ.ตั้งโต๊ะแถลงเคลียร์ปม “ยาฟาวิพิราเวียร์” หลังถูกด้อยค่า ด้าน “หมอโอภาส” เปิดสถิติยันรักษาผู้ป่วยโควิดได้ผลดี ยันนำยาที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตมารักษาผู้ป่วยเท่านั้น วอนอย่าด้อยค่ายาจนคนกลัว ยกปัญหาวัคซีนเป็นตัวอย่าง

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงถึงประเด็นประโยชน์ของการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด19 ว่า โควิด-19 ระบาดอย่างกว้างขวาง ในฐานะแพทย์หรือบุคลากรทางสาธารณสุขต้องดูแลรักษาผู้ป่วย แม้จะไม่มีวิธีการรักษาหรือไม่รู้จักโรคมาก่อน ก็ย่อมต้องหายา และหาวิธีมาบรรเทาอาการหรือรักษาผู้ป่วยให้ดีขึ้น ก่อนหน้านี้ได้มีการนำยาต้านไวรัสที่มีอยู่เดิมและได้รับการขึ้นทะเบียนว่าปลอดภัยกับคนไทยมาทดลองใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งยาต้านไวรัสเอดส์ ยารักษาไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยหลายคนมีอาการดีขึ้น จนในระยะหลังพบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ที่มีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นยาที่ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 หลายรายอาการดีขึ้น จากการสังเกตโดยแพทย์ผู้รักษา รวมถึงการสอบถามอาการคนไข้ และการรวบรวมข้อมูล พบว่าเป็นไปได้ที่จะรักษาผู้ป่วยจนหาย และเราสามารถหายามารักษาผู้ป่วยจำนวนมากในประเทศไทยได้ โดยต้องคำนึงถึง 1. ประสิทธิภาพที่ดีของยา 2. ไม่มีผลข้างเคียง และ 3. มีความเหมาะสมกับคนไข้นั้นๆ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในเชิงที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก ยาจะต้องมีความปลอดภัย ไม่ทำให้ผู้ป่วยอาการแย่ลง คำนึงถึงสถานการณ์การระบาด และความสามารถในการบริการ โดยยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาที่สามารถหามาได้ ราคาไม่แพงเกินไป ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้น รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์ในการรักษา ยานี้ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง รักษาแต่เนิ่นๆ โอกาสจะเป็นอาการรุนแรงลดน้อยลง และหายกลับบ้านได้มาก จึงมีการรวบรวมข้อมูลปรึกษาคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกวัน การพิจารณาต่างๆ จะต้องผ่านผู้เชี่ยวชาญ ทั้งการรักษา การป้องกันควบคุมโรค และยังมีคณะวิจัยที่ประกอบด้วยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขมาทำการวิจัยร่วมกัน เพื่อให้ความมั่นใจว่าจะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่ดี มาให้ประชาชนเท่านั้นอย่างไรก็ตามกลุ่มรับยาฟาวิพิราเวียร์ 79% พบว่ามีอาการดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ ภายใน 14 วัน ทำให้ผู้วิจัยมั่นใจว่ายานี้ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น โดยจะให้ 1,800 มิลลิกรัม 2 ครั้งในวันแรก จากนั้นให้ 800 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งต่ออีก 4 วัน ช่วยลดอาการของผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงได้อย่างมีนัยสำคัญกว่าการไม่ได้รับยา อีกทั้งผู้รับยาจะมีอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ของการรักษา รูปแบบของยาก็ทานง่าย สะดวก ไม่มีผลข้างเคียงที่ต้องกังวล แต่ก็มีข้อจำกัดกับผู้ป่วยอาการค่อนข้างหนัก ประสิทธิภาพจะไม่ดีนัก กระทรวงสาธารณสุขจึงมีคำแนะนำให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ที่อาการไม่หนัก รักษาแต่เนิ่นๆ

 

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุข ขอยืนยันอีกครั้งว่าเราจะนำยาที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตมารักษาผู้ป่วยเท่านั้น และที่ผ่านมาเรารักษาประชาชนไปเป็นจำนวนเกิน 1 ล้านคนแล้วสำหรับยาตัวนี้ ทำให้ลดการเสียชีวิตสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ลดการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากเชื้อไวรัสจะหมดไปจากผู้ป่วยคนนั้นๆ ได้เร็วกว่า ขอยืนยันอีกครั้งขอให้ประชาชนเชื่อมั่นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขทำ และที่สำคัญคือเชื่อมั่นในยาที่ใช้รักษา ขอความกรุณาอย่าไปกังวลและอย่าไปด้อยค่ายาที่รักษา เราเคยมีปัญหาการด้อยค่าวัคซีน จนทำให้พี่น้องประชาชนหลายคนเสียโอกาสในการได้รับวัคซีน แถมบางคนกลัวจนไม่ฉีดวัคซีน และหลายรายน่าเสียใจ เสียชีวิตจากการไม่ได้รับวัคซีน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ทั่วไทยเจอฝนเล็กน้อย 4 จังหวัดใต้อ่วม ทะเลอันดามันเฝ้าระวังคลื่นสูง กทม.กลับมาร้อน
เข่าทรุดก้มกราบ ! ก้มกราบขอรับผิดแทนเมียรัก หลังตำรวจ ปกครองปิดล้อม รวบแก๊งค้ายากลางชุมชน
แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
โคราช ระเบิดศึกอีสปอร์ต KORAT PAO E-SPORTS TOURNAMENT 2025 เฟ้นหาดาวเด่น ROV-eFootball สู่เวทีระดับประเทศและนานาชาติ
"พงศ์พร" ถามเป็นประโยชน์ตรงไหน ก.พ.ดันตำแหน่ง "ผอ.สำนักพุทธฯ" เทียบเท่าปลัดกระทรวง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​