การบินมาเหยียบเมืองลอดช่องสิงคโปร์ของทักษิณกับยิ่งลักษณ์ 2 พี่น้องอดีตนายกฯตระกูลชินวัตร ระหว่างวันที่ 7-12 มี.ค.2565 เพื่อตรวจสุขภาพ คงไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไรเท่าไหร่เพราะพี่แม้วกับน้องปูก็เร่ร่อนบินไปทั่วอยู่แล้วในช่วงที่ผ่านมา แต่ที่มันเป็นประเด็นเป็นข่าวขึ้นมาในหน้าหนังสือพิมพ์ก็เพราะการมาคราวนี้ มีบรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทยพาเหรดนั่งเรือบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปหา “นายเก่า-เจ้าของคอก” ทั้งๆที่อยู่ในช่วงระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลขอความร่วมมืองดการเดินทาง ทั้งๆที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำค้าขายขาลง หนำซ้ำยังมีสงครามระหว่างหมีขาวกับยูเครน วิกฤติซ้อนวิกฤติไปอีก
แต่เมื่อนายใหญ่พ่อเลี้ยงเชียงใหม่บินมาเปลี่ยนบรรยากาศจ่อคอหอยแบบนี้ มีหรือที่ “ม้าใช้-ม้าเลี้ยง” บรรดาลูกขุนพลอยพยักจะไม่เดินทางมารายงานตัวมาพบนาย ขนาดอยู่ดูไบไกลจะตายห่ายังไปได้ นี้อยู่แค่ปลายจมูกนั่งเรือบิน 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ว่าแล้วบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยก็จองตั๋วเครื่องบินไปหานายใหญ่เพียบ แต่ที่เห็นเป็นภาพข่าวออกมาก็มี เกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานโซนอีสานใต้ 4 จังหวัด ประกอบด้วย อุบลราชธานี ยโสธรอำนาจเจริญ และ ศรีสะเกษ ที่หอบก๊วนผู้แทนนับสิบคน อาทิ ชูวิทย์ (กุ่ย) พิทักษ์พรพัลลภส.ส.อุบลราชธานี สมหญิง บัวบุตร ส.ส.อำนาจเจริญ เป็นต้น ข่าวว่านอกจากกลุ่มส.ส.อีสานจะไปเข้าพบแล้ว ยังส.ส.อีกหลายกลุ่มแกนนำอีกหลายคนแวะเวียนไปคาราวะนายใหญ่
งานนี้เลยกลายเป็นประเด็นใหญ่โตทางการเมือง เพราะฝ่ายตรงข้ามก็สบช่องเห็นทางจะไป “เอาผิด-ยุบพรรค” ก๊วนเพื่อไทยได้ แม้เกรียงจะออกมาปฏิเสธจนลิ้นพันกัน ว่าไม่ได้นัดหมายนายใหญ่ไปพบแต่เป็นความบังเอิญเจอกันในร้านอาหารจีนที่สิงคโปร์ ซึ่งตนและส.ส.อีสานรวมทั้งครอบครัวกว่า 20 คน มีแผนจะไปเที่ยวสิงคโปร์อยู่แล้ว โดยควักเงินซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่ปี 2563 แต่ติดโควิด-19 เลยเลื่อนมาตลอด คราวนี้มาได้บังเอิญเจอทักษิณกินข้าวกับน้องชายในร้านอาหารจีนพอดีจึงทักทายกันพอสมควรแค่พอหอมปากหอมคอ แต่ยืนกรานไม่ได้นัดกันมาเจอ เสี่ยเกรียงชี้แจงไว้แบบนั้น แต่พูดให้ตายยังไงก็ฟังไม่ขึ้นใครตามการเมืองมานานก็รู้ดี เกรียงสนิทแนบแน่นกับทักษิณขนาดไหนเพราะสนิทถึงขนาดยกหูหาได้ตลอด รอบก่อนก็มีข่าวเป็นคนประสานดึง วิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาซบเพื่อไทย และเป็นคนต่อสายให้วิฑูรย์คุยกับทักษิณจนย้ายพรรค
ย้อนอดีตไปก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่แล้ว 12 ต.ค.2564 เกรียงก็เคยตกเป็นข่าวฮือฮาหลังต่อสายวีดีโอคอลคุยกับทักษิณ ระหว่างร่วมงานเลี้ยงวันเกิดย้อนหลังที่ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ผู้จัดการพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดให้ที่บ้าน ตอนนั้นก็เป็นเกรียงนี้แหละที่โชว์พาวเวอร์ ถามทักษิณถึงความเป็นไปได้ในการส่ง “เจ้าของคอกตัวจริง” อย่าง คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ลงกุมบังเหียนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โดยยาหอมนายหญิงว่าเป็น “แม่เหล็ก” ถ้าขึ้นคุมพรรคจริงๆ ลูกน้องเก่าๆจะกลับมาหมด ก่อนถูกทักษิณเบรกเอาไว้ ” คุณหญิงพจมานเป็นคนไม่ชอบการเมืองที่สุด แต่ที่ผ่านมาตกกระไดพลอยโจน คุณหญิง อาจจะอายุมากไป และถ้าไม่จำเป็นอย่างยิ่งยวดจะไม่ขอลงการเมือง ชเพราะไม่ชอบ สองปราศรัยไม่ถนัด ไม่ถนัดที่จะพูดต่อหน้าคนเยอะๆ เป็นคนนั่งเป็นประธานในที่ประชุมได้ แต่ว่าไปขึ้นปราศรัยขึ้นเวทีทักทายประชาชนทำไม่เป็น ” นายใหญ่กล่าว
รอบนี้ก็เป็นเกรียงอีกครั้งที่เอารูปมาปล่อย ทางหนึ่งก็อยากเอาใจนายใหญ่เจ้าของคอก อีกทางก็ตีกินหวังสร้างบารมีคุมอีสานในการเลือกตั้งคราวหน้า เพราะตอนนี้ในพรรคเพื่อไทยก็มีแกนนำหลายคนจ้องตำแหน่งประธานภาคอีสานตาเป็นมัน เกรียงหวังต่อยอดสร้างบารมีสยายปีกคุมอีสานจับผลัดจับพลูถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเกรียงก็หวังต่อยอดขอขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีสมัยแรก เพราะเป็นส.ส.ตั้งแต่ปี 2538 แต่ไม่เคยสัมผัสเก้าอี้รมต.ซะที อย่างไรก็ตามล่าสุดประเด็นร้อนที่ ส.ส.เพื่อไทยแห่ไปหาทักษิณที่สิงคโปร์อาจเป็นเรื่องพาซวย หลังศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง เดินทางไปพบทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนักโทษหนีคดีในต่างประเทศ เข้าข่ายจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของส.ส.หรือไม่ เพราะเข้าข่ายนัดกันไปคุยกับนักโทษหนีคดีชัดเจน ที่บอกว่าเจอกันโดยบังเอิญในเหลาจีนนั้นก็ฟังไม่ขึ้นไม่มีใครโง่เชื่อ เพราะตั้งใจไปกราบตักชัดๆ ภาพที่เห็นว่อนในสื่อก็ฟ้องอยู่
เผลอๆพรรคเพื่อไทยอาจซวยทั้งขึ้นทั้งร้องเพราะความอยากอวดสร้างบารมีของเกรียงที่รอบนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วถ้านับจากวีดีโอคอลครั้งก่อน ไม่รู้จักเข็ดไม่รู้จักจำ ความซวยของพรรคเพื่อไทยดูเหมือนไม่หยุดแค่นั้นล่าสุดมีข่าวว่า คณะอนุกรรมาธิการไต่สวนกรณีส.ส.เพื่อไทยยุคน.ส.ยิ่งลักษณ์ เสนอร่างพระราชบัญญัติ(พรบ.)นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. ที่เสนอโดยวรชัย เหมะ ส.ส.เพื่อไทย หรือที่รู้จักกันดีในนาม “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย” ที่เสนอเหมาเข่งให้กับนักโทษพ่วงทักษิณ จนเป็นเหตุให้เกิดการชุมนุมใหญ่ทางการเมือง กำเนิดกลุ่มกปปส.มีคนออกมาไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์นับล้านคน เมื่อปี 2557 ชุดที่มีสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานอนุกรรมการปปช.ไต่สวนข้อมูลคืบหน้าไปมากแล้วและอาจสรุปข้อมูลเสนอให้ป.ป.ช.ชุดใหญ่ชี้ขาดคดีได้ในเร็วๆนี้ ถ้าพบว่าผิดก็ส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถอดถอน โดยกฎหมายดังกล่าวมีส.ส.40 คนลงชื่อสนับสนุน หลายคนพ้นหน้าที่ไปแล้วแต่ข่าวว่ามีอีกเป็นสิบคนที่ยังทำหน้าที่ส.ส.อยู่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดพรรคเพื่อไทยที่มีส.ส.ไปเจอนักโทษชายแม้วรอบนี้ก็ยังร้อนอยู่ เวรกรรมวันเก่าที่เสนอกฎหมายเอาใจนายสุดลิ่มทิ่มประตู “เหมาเข่ง-สุดซอย” จนทำให้คนไทยลุกฮือประท้วงทำบ้านเมืองพินาศฉิบหายก็กำลังตามมาหลอกหล่อนเอาผิด “พ้นส.ส.-จ่อยุบพรรค” น่าจะเป็นวิบากกรรรมในอนาคตที่พรรคเพื่อไทยอาจต้องเผชิญ
///////////////////////