หลังจากตั้ง “49 อรหันต์” ถกแก้กฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ล่าสุดวานนี้ 9 มี.ค. 2565 “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับก็ได้ฤกษ์นัดสมาชิก กรรมาธิการฯทั้งหมดเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง จะขาดไปเพียงคนเดียวก็คือไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตัวเก็งเต็งหามประธานก่อนหน้านี้ที่มาพลาดแพ้โหวตให้กับสาธิตแบบฉิวเฉียดได้ขอลาประชุม ขณะที่สมาชิกคนอื่นๆจากทุกพรรคทั้งส.ส. ส.ว. ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และ ครม.มาครบ
งานนี้มีการกำหนดกรอบการทำงานกันชัดเจน กฎหมายลูกส.ส.ประชุมวันพุธ ส่วนตัวพรรคการเมืองคุยกันวันพฤหัสบดี จากนี้จะให้เวลาสมาชิกแปรญัตติถึงวันที่ 11-12 มี.ค. ก่อนจะเริ่มพิจารณาประเด็นต่างๆในรายละเอียดว่าจะเอากันอย่างไร บนพื้นฐานต้องไม่ขัดรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับ มาตรา 83, 86 และ 91 ส่องรายชื่อกมธ. 49 คน แต่ละฝ่ายคัดบรรดาหัวกะทิ โยนประเภท “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ที่เขี้ยวรากดินช่ำชองรัฐธรรมนูญลงมาคุมเกมส์กันทั้งนั้น ฝากฝั่งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐนอกจากส่งไพบูลย์ในโควต้าครม.แล้ว ยังมีอนันต์ ผลอำนวย ประธานกมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฏร กับ จักรพันธ์ พรนิมิตร ประธานกทม.ของพรรค พรรคภูมิใจไทยมีศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ขุนศึกแถวหน้าของพรรค กับ ธนิต ศรีประเทศ อดีตรองเลขาธิการกกต. ที่ถูกทามมาเป็นมือกฎหมายพรรคเข้าร่วม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นอกจากตัวสาธิตที่เป็นประธานแล้ว ยังมีชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ที่เกี่ยวก้อยผู้อาวุโสของพรรคอย่าง เทอดพงษ์ ไชยนันทน์ อดีตรมช.สาธารณสุขและรมต.ประจำสำนักนายกฯมาร่วมถกด้วย ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาก็ส่ง นิกร จำนง มือทำรัฐธรรมนูญปี 40 ของพรรคลงมานั่งในกมธ.ชุดนี้
ด้านฝากฝั่งส.ว.ที่ถูกมองว่าเป็นกำลังสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์ที่จะลงมาคุมเกมส์นี้ ก็จัดหนักจัดเต็มทั้งเพื่อนรักคนใกล้ชิด ประกอบด้วย พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ กับ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 (ตท.12) ของพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม น้องชาย “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย กล้านรงค์ จันทิก สมชาย แสวงการ ฯลฯ 14.27 น. ขณะที่ฝากฝั่งฝ่ายค้านก็ขนกันมาเต็มคันรถ เพราะเลือกตั้งเที่ยวหน้าเสมือนรถด่วนขบวนสุดท้ายของนายใหญ่นายทุน อย่าง “โทนี่ วู้ดซั่ม” ทักษิณ ชินวัตร อายุตอนนี้ก็ 72 ปี เหมือนไม้ใกล้ฝั่งไปทุกที หลังเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศนับสิบปี เลือกตั้งครั้งหน้านี้แหละที่น่าจะเป็น “ตั๋วใบสุดท้าย” ที่ทักษิณหวังจะคว้าโอกาสเพื่อให้ได้กลับบ้าน ล่าสุดเห็นได้ชัดว่าทักษิณประกาศผ่านคลับเฮ้าส์หลายครั้ง มั่นใจเกินล้านเข้าคูหารอบนี้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ห้าวหาญถึงขั้นให้คำมั่นจะกลับไทยแบบเท่ห์ๆในพ.ศ.นี้
แก้กฎกฎหมายลูกเที่ยวนี้ทักษิณจึงคัดเอาแต่ตัวแสบๆ เลือกพวกเกรดเอเป็นงานมาล้วนๆ เพราะต้องไปฟาดฟันกับตัวแทนขั้นเทพฝ่ายอื่นๆอีกหลายยก ระดับหัวหน้าพรรคทดลองงาน อย่างหมอชลน่าน ศรีแก้ว เลยต้องลงมากุมสภาพเอง แถมหนีบพวกพระกาฬเรียกพี่มาครบ ทั้ง “อาจารย์ชู” ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.ศึกษาธิการ สามารถ แก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แค่นั้นยังไม่พอในแนวร่วมยังมี สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.สายป่วนจากพรรคเสรีรวมไทย รวมถึง วันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคประชาชาติ ส่วนก๊วนอิสระไม่ชัดว่าทางไหนอย่างพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กองแป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ส่ง บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สายตรงคนใกล้ชิดมาร่วมโม้แป้งด้วย เป็นอันครบจบ 49 คน
แก้กฎหมายลูกเที่ยวนี้เหมือนศึกใหญ่ชิงเมืองนัดแรก แต่ละพรรคแต่ละฝ่ายต้องชิงดำวางกฎ ลงกติกาการเลือกตั้งให้เข้าท่าเข้าทาง เพื่อพรรคตัวเองฝ่ายของกูจะต้องได้ประโยชน์สูงสุด วัน ว. เวลา น. เมื่อมหาสงครามเลือกตั้งทั่วไปมาถึงที่ยังไม่แน่ว่าบิ๊กตู่จะกำหนดวันปล่อยอำนาจลงจากหลังเสือเมื่อไหร่ หลังช่วงนี้เจอมรสุมสารพัดถาโถมโหมใส่ โควิด-19 ก็ยังพุ่ง ขนาดจะประกาศเป็นโรคประจำถิ่นปลดล็อคให้คนไทยใช้ชีวิตปกติก็ยังเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ล่าสุดเคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังมาเจอหมีขาวล่อเป้ายูเครนอีก ไม่แปลกใจที่ลุงตู่จะถอนหายใจยาวๆเมื่อวานนี้หลังประชุมกพช. ถกเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง เพราะใครเป็นนายกฯมาเจอวิกฤติซ้อนวิกฤติลากยาว 2-3 ปีแบบนี้ แข็งอย่างเหล็กหนาอย่างหินแบบพล.อ.ประยุทธ์ยังถอนหายใจยาวๆ เป๋ไปเป๋มาเกือบจะไม่ไหว
นับหนึ่งแก้กฎหมายลูกกันแล้วตั้งธงจะให้เสร็จภายในเม.ย. ก่อนเปิดสมัยประชุม 22 พ.ค.ศกนี้ ยังมีประเด็นสำคัญๆ ต้องฟาดฟันกันอีกมาก อีกหลายยกอีกหลายเรื่อง ทั้งหมายเลขผู้สมัครส.ส.จะเอากันอย่างไร เบอร์เดียวทั้งเขตทั้งบัญชีรายชื่อ หรือคนละเบอร์คนละหมายเลขกัน ที่พรรคเพื่อไทยเจ้าของแชมป์ตลอดกาลอยากได้เบอร์เดียวเพราะง่ายต่อการจดจำ ส่วนพรรคอื่นอยากให้เป็นคนละเบอร์หวังกาพลาดกาผิดจะได้ส้มหล่นเพิ่มมาบ้าง อีกเรื่องที่น่าจะเป็นปมสำคัญเป็นจุดแตกหักของการแก้ไขกฎหมายลูกคือเรื่องการคิดคะแนนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคเล็ก แม้แต่พรรคก้าวไกลฝ่ายค้านรัฐบาล ก็อยากให้คิดสูตรแบบการเลือกตั้งปี 2562 คือ จัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมี คะแนนเสียงชาวบ้านทุกคะแนนต้องไม่ตกน้ำ เอาฐานส.ส.ทั้งหมด 500 คนเป็นตัวตั้งในการคิดคะแนน ขณะที่พรรคใหญ่ที่ตอนนี้่น่าจะเหลือแค่พรรคเพื่อไทยหัวเดียวกระเทียมลีบเพียงพรรคเดียวที่อยากให้คิดสูตรเอา 100 หาร นับเฉพาะคะแนนของบัตรระบบบัญชีรายชื่อทั่วประเทศของทุกพรรคเท่านั้นมารวมกันก่อนหารด้วย 100 ได้เท่าไหร่ก็เป็นฐานในการคิดส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ไม่ต้องมีเพดานส.ส.พึงมี ไม่ให้ค่ากับคะแนนตกน้ำ จากนี้คงต้องตามติดห้ามกระพริบตาที่สุดจะลงเอยอย่างไร แต่ละประเด็นจะได้ข้อสรุปมาแบบไหน เข้าทางใครมากกว่า ระหว่างตาอินอย่างบิ๊กตู่ ตานาอย่างพี่โทนี่ หรือ ตาอยู่อย่างเสี่ยหนู
//////////////////
