ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาดูเหมือนมีความพยายามปล่อยข่าวรัฐบาลเตรียมยุบสภา พร้อมๆไปกับเล่นข่าวเกิดความขัดแย้งแตกร้าวในก๊วนพี่น้อง 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ ระหว่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่าซดเกาเหลาไม่ลงรอยกันหลายเรื่องหลายประเด็น ขบเหลี่ยมกันมาตลอดปีนเกลียวกันมาเรื่อยๆ ก่อนจะสรุปฟันธงว่า ไม่เกินกลางปีนี้ก่อนเปิดสภาครั้งใหม่ 22 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะไขก็อกชิงยุบสภาก่อนแน่นอน เพราะไม่อยากเสี่ยงไปลุ้นวัดดวงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเที่ยวหน้า ในช่วงรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำยังไม่นิ่งว่ามีส.ส.สนับสนุนเท่าไหร่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หากปล่อยให้ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกก่อนนายกฯก็จะชิงยุบสภาไม่ได้ โดยคนที่ออกมาพูดออกมาวิเคราะห์เรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นส.ส.ฝากฝั่งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และ พวกฝ่ายค้านเห็นต่างในสภา
ที่ดูจะเป็นการรับลูกเดินตามรอยแผนการของนายใหญ่คนแดนไกลอย่างทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคดี ที่ออกมาส่งสัญญาณเรื่องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ตั้งแต่ไก่โห่ โดยเฉพาะการสวมบทเป็นหมอดูคุยโวผ่านคลับเฮ้าส์ของกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อนไทย ทำนายว่าจะมีการยุบสภาภายในกลางปีนี้ พูดบ่อยพูดหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มทีท่าว่าพล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรดาลูกขุนพลอยพยัก ต้องออกมารับลูกช่วยกันขย่มตามธงที่เจ้านายปักหมุกไว้ จับมือกันทำมาหากินเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามฝันที่ทักษิณประกาศไว้ว่าจะกลับเมืองไทยแบบเท่ห์ๆ ขีดเส้นใต้ครั้งใหม่ว่าในพ.ศ.นี้ เพราะฉะนั้นหากจะให้เป็นไปได้อย่างที่ต้องการ ก็จะต้องพยายามล้มพล.อ.ประยุทธ์พ้นนายกฯหรือไม่ก็ให้ยุบสภา จัดการเลือกตั้งในปีนี้ให้ได้ พรรคเพื่อไทยของตัวเองจะได้ลุ้นแลนด์สไลด์ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กจะได้คั่วเก้าอี้นายกฯ หนำซ้ำบังเอิญว่าข่าวลือเรื่องยุบสภายังเกิดมาในช่วงที่ พี่น้อง 3 ป.นัดกินข้าหารือกันแบบส่วนตัว ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายใน ร.1 รอ. ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาพอดี งานนี้เลยมีการนำไปโยงว่าเป็นมื้อข้าวสมานฉันท์ เพื่อนัดเคลียร์ใจระหว่างพี่น้อง 3 ป. ที่ช่วงหลังมีเรื่องระหองระแหงไม่ลงรอยกันมาตลอด โดยเฉพาะการช่วงชิงอำนาจเป็นคนถือธงนำรัฐบาลระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร ที่ระยะหลังถูกมองว่าวัดพลังขบเหลี่ยมกันอยู่เนืองๆ
อย่าลืมว่านับจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2565 พล.อ.ประยุทธ์และรัฐนาวาเรือเป๊ะยังมีหน้าที่รับผิดชอบและด่านสำคัญๆ ให้ต้องฝ่าฝันอีกหลายยกหลายเรื่อง เร็วๆนี้พ.ค.ก็มีเรื่องของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กับนายกฯเมืองพัทยา จากนั้นพรรคฝ่ายค้านก็เตรียมลับมีดล้างเขียงรอเชือดนายกฯในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ ม.151 จบจากนั้นในช่วงมิ.ย.-ก.ค. ก็น่าจะเป็นช่วงที่กฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ “พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส.-พ.ร.ป.พรรคการเมือง” น่าจะถึงช่วงโค้งสุดท้ายวาระ 2- 3 พร้อมๆไปกับการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ที่จะจังหวะนั้นน่าจะเป็นช่วงน่าสิ่วหน้าขวานของรัฐบาลพอดี จากนั้นก็ต้องมาลุ้นกรณีการนับอายุการทำหน้าที่นายกฯ 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ในช่วง 24 ส.ค.ปีนี้ ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินออกมามุมไหนอย่างไร บิ๊กตู่จะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้ที่เชื่อแน่ว่าประเด็นนี้ฝ่ายค้านไม่พลาดในการยื่นตีความแน่ ทั้งหลายทั้งมวลที่ว่าล้วนเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลแทบทั้งสิ้น ถ้าเอาตัวรอดจากขวางหนามดังกล่าวได้ ปลายปีช่วงเดือนพ.ย.ก็จะได้เป็นประธานจัดการประชุมเอเปคต้อนรับผู้นำโลก
คนเป็นนายกฯคนมีอำนาจไม่มีใครอยากยุบสภา ทุกคนอยากอยู่ในอำนาจยาวๆกันทั้งนั้น ความจริงถ้าเป็นก่อนหน้านี้เรื่องพวกนี้ไม่น่าจะมีประเด็นอะไรที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นห่วง แต่ภายหลังที่รัฐบาลมีปัญหาเรื่องเสียงในสภา แถมพรรคพลังประชารัฐก็มาเกิดกรณีขับกบฏ 21 คนออกพ้นพรรค ก่อน “ผู้กองแป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะพา 18 ส.ส.ไปซบตักพรรคเศรษฐกิจไทย แถมออกลูกงอแงฟาดงวงฟาดงาใส่พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด หนำซ้ำเรื่องที่พล.อ.ประวิตรยืนยันมาตลอดว่าร.อ.ธรรมนัสกับพรรคพวกสนับสนุนรัฐบาลอยู่ข้างนายกฯ มาถึงตอนนี้ชัดเจนว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เพราะร.อ.ธรรมนัสออกมาพูดชัดว่าก๊วนตัวเองเป็นพรรคอิสระไม่ขึ้นกับใคร แถมยังเย้ยซ้ำว่าตัวเลขส.ส.รัฐบาล 260 คน ฝันไปหรือป่าวเอามาจากไหน ถ้าเป็นจริงในนั้นก็ไม่มีส.ส.ของพรรคเศรษฐกิจไทยแน่นอน ล่าสุดก็ยกเรื่องพรหมวินาศ 4 มาแซะนายกฯอีกดอก เห็นอย่างนี้แล้วชัดเจนเลยว่าร.อ.ธรรมนัสหนักไปทางฝ่ายค้านมากกว่าเอนมารัฐบาล ดูทรงแล้วร.อ.ธรรมนัสรอจังหวะเสียบรอเวลาบวกเอาคืนนายกฯแบบเต็มๆ
การเมืองปีสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์มีลุ้นมีเสียวจริงๆ จากเดิมเสียงส.ส.ซีกรัฐบาลมี 267 คน แต่หลังจาก 21 ส.ส.ถูกขับออกไปก็เหลือ 246 คน ได้คืนมา 3 คนจากพรรคภูมิใจไทย สถานะ ปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์จึงมีส.ส.ในมือแน่ๆ 249 คน ขณะที่พรรคฝ่ายค้านปัจจุบันมี 208 คน ถ้าบวกก๊วนผู้กองไปอีก 18 คน ก็จะทำให้มี 226 คน จำนวนส.ส.ในสภามี 476 คน เกินกึ่งหนึ่งต้องมีเสียง 238 คน บวกลบคูณหารนับนิ้วพล.อ.ประยุทธ์มีส.ส.เกินเส้นตายมา 11 คน ไม่รวมงูเห่าที่ไม่รู้ว่ามหามิตรอย่าง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเลี้ยงไว้ซึ่งไม่รู้กี่ตัว ถ้าตามข่าวที่ออกมาว่ากลางโพยยืนกราน 260 คนก็เรียกว่าเหลือเฟื้อ เพราะฉะนั้นดูตามหน้าเสื่อแล้วพล.อ.ประยุทธ์อยู่ยาวแน่นอน มีปัญหาอะไรก็แก้กันไปเป็นเปราะๆ เพียงแต่เวลาพิจารณากฎหมายทุกตัวก็จะมีลุ้นมีเสียวตลอดในเรื่ององค์ประชุมไม่ครบหรือสภาล่ม
เพราะฉะนั้นชัดเจนว่าการล้มของรัฐบาลหรือการพ้นเก้าอี้สร.1 ของพล.อ.ประยุทธ์ ชั่วโมงนี้ไม่น่าจะมาจากทักษิณหรือบริวาร แต่ด้านหลักคงมาจากคนในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองนี้แหละ ที่หาช่องหักหลังหาทางวางยาหักเขี้ยวพยัคฆ์ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายเคยเตือนไว้ว่าสนิมเกิดแต่เนื้อในตน “ลุงกำนัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. ห่วงคนใกล้ตัวล้มรัฐบาลนอกจากจะไม่ยกมือช่วยแล้วเผลอๆจะยกมือสวน ยุบสภายังอีกนานแน่นอน เพราะพล.อ.ประยุทธ์ตั้งเป้าจะบริหารประเทศยาวๆ ลากเวลาทำทุกอย่างให้เสร็จเตรียมทุกเรื่องให้พร้อม จากนั้นค่อยยุบสภาจัดเลือกตั้ง ที่บอกได้เลยว่าเกิดในพ.ศ.นี้แน่นอน อำนาจยุบสภาอยู่ในมือนายกฯก็เป็นเรื่องถูก แต่อุบัติเหตุทางการเมืองก็เป็นเรื่องไม่คาดฝันที่ไม่มีใครรู้ได้ล่วงหน้า รอดูกันว่าอันไหนจะมาก่อน
/////////////////