ความขัดแย้งระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กับ “ผู้กองแป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย เชื่อว่ามาถึงจุดที่คงอยากจะกลับไปคืนดีได้เหมือนเก่า เหมือนแก้วร้าวที่ยากจะประสานให้ดีเหมือนดังเดิม เพราะสวนกันหนักอัดกันแรก หลายเรื่องหลายกรณีแบบยอมหักไม่ยอมงอ ล่าสุดขนาดลงพื้นที่คลองเตยมอบของให้ชาวบ้าน ผู้กองแป้งยังให้สัมภาษณ์แซะนายกฯ ทั้งเย้ยเรื่องที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยควักโพยมาโชว์นายกฯ ระหว่างประชุมครม. ยันรัฐบาลมี ส.ส. 260 คนพร้อมหนุนนายกฯไปต่อโดยไม่ต้องไปง้อใคร ในทำนองว่าเพ้อฝันไปหรือปล่าว “ 260เสียง ฝันไปหรือเปล่า ผมไม่ได้ว่าใครแต่เอาตัวเลขมาจากไหน ใครๆก็นับมือได้ แต่ไม่มีพรรคเศรษฐกิจไทยอยู่ในนั้นแน่นอน” ร.อ.ธรรมนัสระบุ
หรือการออกมายืนกรานไม่ได้อยู่ขั้วรัฐบาลไม่ประกาศหนุนพล.อ.ประยุทธ์ไม่ยกมือให้รัฐมนตรีซีกรัฐบาลในศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ที่ดูจะสวนสวนทางกับลูกพี่ใหญ่ 3 ป. อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่คุยโวโม้ว่าร.อ.ธรรมนัสยังอยู่กับรัฐบาลและพรรคเศรษฐกิจไทยยังสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แบบไปคนละทางกันเลย ” ในศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ “เราประกาศชัดเจนว่าเราจะยืนอยู่ฝ่ายประชาชน หากรัฐมนตรีคนใดที่ถูกอภิปรายและมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย เราโหวตสวนแน่นอน เพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้ทำหน้าที่ต่อ ดังนั้นจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป” ผู้กองแป้งฟาดกับผู้สื่อข่าว
ต้องบอกว่าชั่วโมงนี้ร.อ.ธรรมนัสกำลังอยู่ในช่วงอย่างคึกและฮึกเหิม เพราะถือว่าได้แต้มต่อทางการเมือง เพราะมีก๊วนส.ส. 18 คนสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยอยู่ในมือ ที่สามารถชี้ขาดชี้เป็นชี้ตายทางการเมืองได้ โดยเฉพาะในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ตกที่นั่งลำบากรัฐบาลกำลังเสียงปริ่มน้ำ จากเดิมที่เคยมีส.ส.ในมือ 267 คน พอก๊วนร.อ.ธรรมนัสถูกอัปเปหิออกจากพรรคพลังประชารัฐ เสียงที่เคยมั่นคงก็เลยหายไป 21 เสียง คงเหลือ 246 คน แม้จะมี 3 คนขอแยกตัวจากร.อ.ธรรมนัสไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยแต่เสียงขอรัฐบาลที่มีแน่ๆ ก็แค่ 249 คน เกินกึ่งหนึ่งของสภา 238 คน ที่ปัจจุบันมีส.ส.รวมกัน 476 คน ไปแค่ 11 เสียง เพราะฉะนั้นก็ยังถือว่าสุ่มเสี่ยงตกม้าตายกลางสภา หากมีการพิจาณากฎหมายสำคัญๆ อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือพ.ร.บ.งบประมาณ ฯลฯ ขณะที่ตัวเลข 260 คนที่มีข่าวว่าเสี่ยหนูเอามายืนยัน ก็ยังไม่ชัดว่าถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ อนุทินจะมีงูเห่าที่ฝากเลี้ยงมาช่วยพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลได้หรือไม่
แต่ถึงแม้พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลจะอยู่ในช่วงเพลี้ยงพล้ำช่วงขาลง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไม่ใช่เวลาที่ร.อ.ธรรมนัสจะได้ทีขี่แพะไล่สร.1 แบบไม่ไว้หน้าแบบนี้ ศักดิ์ศรีทหารเก่าอดีตผู้นำปฏิวัติอย่างบิ๊กตู่คงไม่ยอมถูกผู้กองนอกราชการมาลบเหลี่ยมลูบคมได้ง่ายๆ ลำพังตัวร.อ.ธรรมนัสเองมัวแต่ไปไล่กัดไล่งับคนอื่น สถานะของตัวเองก็ใช่ว่าจะกระหยิ่มยิ้มย่องใจจองหองพองขนได้ ไอ้ที่ฝันว่าการเลือกตั้งคราวหน้าจะส่งส.ส.ครบ 400 เขต ตั้งเป้าได้ส.ส.มากกว่า 18 ตัว บอกเลยว่ายากเผลออาจได้ไม่ถึงสิบ ประการแรกร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เป็นรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในรัฐบาลเรือแป๊ะแล้ว เพราะฉะนั้นจะไปเอารถราม้าช้างจากไหนมาสัยสนุนการเลือกตั้ง พระเดชพระคุณต้องนี้ก็แทบไม่มี ประการที่สองการไปตั้งพรรคใหม่อย่างเศรษฐกิจไทยอย่าลืมว่ารอบนี้ต้องควักเองจ่ายเอง ไม่มีเจ้านายอย่างพล.อ.ประวิตรมาช่วยแจกช่วยจ่ายแล้ว ตรงนี้ผู้กองแป้งจะไหวไหมที่ประกาศส่ง 400 เขตจะเอาเงินจากไหนมาให้ผู้สมัคร ประการต่อมาพรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองเป็นพรรคใหม่พรรคเล็ก ยังไม่มีผลงานอะไรออกมาให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน จุดนี้จะเรียกคะแนนนิยมจากชาวบ้านได้อย่างไร เต็มที่ก็อาจจะได้แต่ส.ส.เขตแต่ปาร์ตี้ลสต์คงยาก
สำคัญสุดคือปัจจุบันร.อ.ธรรมนัส ยังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ (ป.ป.ช.) หมายหัวเรื่อง “ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน” โดยป.ป.ช.มีการส่งเจ้าหน้าที่ทั้งจากส่วนกลางและในพื้นที่ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกที่ร.อ.ธรรมนัสกับครอบครัวครอบครองทั้งหมดแล้ว จากข้อมูลป.ป.ช.ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส แจ้งบัญชีทรัพย์สินแรกเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.พะเยา เมื่อ 25 มี.ค. 2562 ระบุมีคู่สมรส 2 ราย มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 866,022,010 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 73,361,936 บาท หลังพ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ เมื่อ 8 ก.ย. 2564 มีทรัพย์สิน 758,847,094 บาท มีหนี้สิน 178,491,910 บาท เท่ากับว่าผ่านไป 2 ปีเศษร.อ.ธรรมนัส ทรัพย์สินลดลง 107,174,916 บาท มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 105,129,974 บาท
ส่วนคดีที่ร.อ.ธรรมนัสถูกป.ป.ช.สอบสวนกรณีปกปิดปัญชีทรัพย์สินอยู่นั้น มีการพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การถือครองหุ้น บ. เดอะบางกอก อะไลฟ์ จำกัด จำนวน 15,000 หุ้น (คิดเป็น 30% ของทุนจดทะเบียน) แต่มิได้แจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. 2. การถือครองหุ้นของภรรยา คือ นางอริสรา พรหมเผ่า ใน บ. สบายใจ มาร์เก็ต จำกัด จำนวน 40,000 หุ้น บ. ฮันนี สไมล์ ฮอลิเดย์ (2018) จำกัด จำนวน 8,000 หุ้น บ. รักษาความปลอดภัย พี.ที.การ์ด จำกัด จำนวน 140,000 หุ้น ที่ทั้ง 3 บริษัท อริสาถือครองหุ้นเกิน 5% แต่มิได้แจ้งต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอรับประโยชน์ อาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 และ 3. การแจ้งรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ปรากฏชื่อถือหุ้นในบริษัทขายสลากแต่อย่างใด ที่เรื่องนี้นอกจากป.ป.ช.จะสอบสวนแล้ว ล่าสุด “แรมโบ้” ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ดึง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. เข้ามาเป็นรองประธานอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องหวยแพง งานนี้ชื่อว่าต้องมีเรื่องดีข่าวมันส์ในการไปรับจับ “ไอ้โม่ง” ที่อยู่เบื้องหลังเรียกรับผลประโยชน์เป็นเสือนอนกินเรื่องหวยแพงได้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าดร.แรมโบ้กับบิ๊กโจ๊กจะกระชากหน้ากากตัวการใหญ่มาได้หรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆงานนี้ร.อ.ธรรมนัสหนาวๆร้อนๆเป็นแน่เพราะมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับวงการนี้อยู่
/////////////////////////
