ขวางไพบูลย์นั่งประธานแก้กฎหมายลูก สะท้อนปัญหาภายในรัฐบาลไร้เอกภาพ ได้เวลาตัวใครตัวมัน

รัฐบาลไร้เอกภาพพายเรือไปคนละทาง "ประยุทธ์-ประวิตร" หน้าแหก หลังไพบูลย์ถูกพรรคร่วมจับมือฝ่ายค้านคว่ำ วิเชียรเผยไพบูลย์หัวแข็งไม่ฟังใคร กมธ.หลายคนเลยกังวลหากกลับมาเป็นประธานอีก อนุทินโบ้ยไม่รู้ว่ามีคนในใจโยนไม่ได้มีใครมาประสานกันก่อน ประยุทธ์อ่วมเดาไม่ออกใครมิตรใครศัตรู

ควันหลงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง นัดแรกเมื่อ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องฮือฮาทางการเมืองพอสมควร หลังที่ประชุม กมธ. มีมติออกมาพลิกล็อก หลัง 22 กมธ.โหวตเลือก “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปาดหน้าเค้กคว้าเก้าอี้ประธาน โดยเบียดตัวเก็งเต็งหามอย่างไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูก 2 ป. อย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วางตัวมาเป็นผู้กำกับ คุมทิศทาง กำหนดกติกา เขียนกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับ ให้เป็นไปตาม “ธง” ที่ได้มีการคุยกันไว้ เพื่อเตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

งานนี้ต้องบอกว่าพี่น้อง 2 ป.และพรรคพลังประชารัฐ เสียชื่อเสียรังวัดเป็นอย่างมากที่ไพบูลย์ตกม้าตายไปไม่ถึงฝัน โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตรต้องบอกว่าแหกโค้งลงคลองไปเลย เพราะตอนเช้าดันให้สัมภาษณ์ว่าไพบูลย์เหมาะสมนั่งเป็นประธานแบบแบเบอร์ ไม่ทันไรผลออกกลับเป็นสาธิตที่คว้าพุงปลาไปกิน ขณะที่กูรูกฎหมายรัฐบาลอย่างวิษณุ เครืองาม รองนายกฯก็ออกมาระบุว่ารัฐบาลมีปัญหาใหญ่แล้ว และควรเร่งปรับปรุงงานสภาให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก็มองปัญหาความเป็นเอกภาพในรัฐบาล ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายกรณี อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ไพบูลย์เคยนั่งเป็นประธานกมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขหรือฉบับแม่มาแล้ว โดยเปลี่ยนการเข้าคูหากาใบเดียวที่ใช้เลือกตั้งในปี 2562 ให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเหมือนการเลือกตั้งปี 2540 พอถึงเวลาแก้ไขกฎหมายลูกเที่ยวนี้ ยังไงก็ต้องให้ไพบูลย์มาดูต่อ เพราะฉะนั้นเขาจึงถูกวางตัวให้มารับบทประธานกมธ.พิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับอีกครั้ง แต่ก็ต้องกินแห้วต้องถูกเบรกจากพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ที่จับมือกับพรรคฝ่ายค้านดันสาธิตขึ้นมาขวางแทน

ทั้งนี้เพราะสัดส่วนในกมธ.ทั้งคณะที่มีทั้งสิ้น 49 คน ประกอบด้วย ครม. 8 คน ส.ว. 14 คน ส.ส. 27 คน แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 8 คน พรรคพลังประชารัฐ 6 คน พรรคภูมิใจไทย 3 คน พรรคก้าวไกล 3 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคเศรษฐกิจไทย 1 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน และ พรรคประชาชาติ 1 คนหากรวมเสียงฝ่ายรัฐบาลกันจริงๆ บวกกับส.ว. จะมีท่วมท้นพอที่จะดันให้ไพบูลย์นั่งเป็นประธานได้สบายๆแบบเหลือๆ แต่ผลการลงมติอย่างที่ทราบไพบูลย์ได้ 21 ส่วนสาธิตได้ 22 จากกมธ. 43 คน เนื่องจาก 6 คน ไม่ได้มาประชุม ประกอบด้วยตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 คน ส.ว. 1 คน ส.ส.พรรคก้าวไกล 1 คน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน และตัวประธานคือสาธิตติดประชุมครม. ที่สุดไพบูลย์จึงแพ้สาธิตไปแบบเฉียดฉิว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ไพบูลย์ล่องจุ๊นเก้าอี้ประธานในรอบนี้นั้น ชัดเจนว่าด้านหลักคือเรื่องบุคคลิกลักษณะนิสัยของไพบูลย์ที่ยอมหักไม่ยอมงอ เป็นคนแข็งไม่ฟังใคร คนที่บอกเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครหากแต่เป็น วิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ “ไพบูลย์ ไม่ค่อยฟังคน ในกมธ.จึงมีความไม่พอใจวิธีการทำงานตั้งแต่ตอนนั้น เพราะบางทีเราต้องให้โอกาสคนที่เป็นกมธ.ได้อธิบายและพูดให้หมดประเด็นจะได้บันทึก ส่วนมติเสียงข้างมากจะเป็นอย่างไรนั้นไม่ได้มีการติดใจอะไรเท่าที่ทราบเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นพอเห็นจะมาเป็นประธานกมธ.วิสามัญกฎหมายลูกชุดนี้ เขาก็เกิดความกังวล จึงไม่อยากได้​ นี่คือเนื้อแท้ที่กมธ.วิสามัญฯชุดนี้บ่นกัน” วิเชียรไขความลับ เหตุผลอีกด้านที่ต้องพูดถึงนอกเหนือจากนิสัยส่วนตัวของไพบูลย์ก็คือ บรรดาพรรคร่วมรัฐบาล และร่วมถึงพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล รู้สึกอุุ่นใจมากกว่าที่สาธิตนั่งเป็นประธาน อย่างน้อยก็มั่นใจว่าหลักการเรื่องเลือกตั้งบัตร 2 ใบ จะอยู่แน่นอนและคงไม่มีการบิดพลิ้วปลิวลมไปไหน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนชูธงและเสนอแนวคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกในช่วงที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตัวแม่ จู่ๆ จะมาแก้ไขกฎหมายลูกไปคนละทางหรือใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรการเมืองอะไรมาทำให้แปลกประหลาดออกไปสาธิตคงไม่กล้าทำแน่

แต่ถ้าประธานเป็นไพบูลย์นอกจากจะคุยด้วยยากพูดกันลำบากแล้ว ทุกพรรคก็อ่านใจไม่ออกเดาไม่ได้ว่าไพบูลย์อาจจะคิดอ่านทำการอะไรที่มันพิลึกพิศดารขึ้นมาอีกก็ได้ เพราะต้องหาทางออกปรับกติกาให้รัฐบาลได้เปรียบทุกกระบวนท่า คิดสูตรให้นายกฯอยู่ต่อยาวๆ พรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้ง คิดแบบนี้พวกนี้ก็หนาวเลยจับมือกันขวางไพบูลย์สมประโยชน์ร่วมกัน ตอนนี้ก็โทษมึงโทษกูกันอุตลุตว่าไม่มีการประสานกันก่อนเลยไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเอาไพบูลย์ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาแก้ตัวแบบนี้ อีกฝากก็ซัดกลับว่าวิปรัฐบาลทำงานไม่ดีประสานไม่เป็น โยนขี้ไปที่พรรคพลังประชารัฐคุมเกมส์ไม่เป็นเองเลยช่วยไม่ได้ เห็นเกมส์ปาดหน้าเค้กหนุนสาธิตคว่ำไพบูลย์รอบนี้ เสียวสันหลังแทนพล.อ.ประยุทธ์จริงๆว่าจะอยู่ได้นานขนาดไหน จะพาเรือแป๊ะไปต่อยังไง ถึงตอนนี้เดาไม่ออกแยกไม่ได้แล้วจริงๆ ว่า ใครคือมิตรแท้ ใครคือศัตรูถาวร เพราะพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเล่นตีสองหน้า หาผลประโยชน์เพื่อพรรคตัวเองก่อนทั้งนั้น ไอ้ที่จะมารักใคร่ลงเรือลำเดียวกันยอมตายแทนกันแบบเก่าก่อนคงไม่มีแล้ว เลือกประธานกมธ.แก้ 2 กฎหมายลูกรอบนี้ สะท้อนภาพในรัฐบาลตอนนี้ชัดเจน “ตัวใครตัวมัน” แล้วตอนนี้ นับถอยหลังยุบสภาคงอีกไม่ไกล
/////////////////

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อยุธยาเดินหน้ายกระดับท่องเที่ยวจังหวัด สู่เป้าหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”
ชายแดนเดือด "ทหารกัมพูชา" ปลุกชาวเขมรรุกฮือ รื้อลวดหนามกั้นบ้านหนองจาน "ทหารไทย" เข้าสกัดคุมเข้ม
ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง เข้มดูแลความปลอดภัยศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025
อิสราเอลโจมตีโรงพยาบาลกาซาปลิดชีพนักข่าว 4 สำนัก
ผู้นำเวียดนามเรียกประชุมฉุกเฉินรับมือไต้ฝุ่นคาจิกิ
"แม่ทัพภาค 2" ชี้หากพบทหารกัมพูชา รุกล้ำ-แอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​