หากใครที่เป็นคอการเมืองขนานแท้และตามการเมืองมาตลอด ก็คงจะทราบดีว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กับ “ผู้กองแป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ขบเหลี่ยมขัดแย้งกันมาตลอด นับตั้งแต่เริ่มเป็นรัฐมนตรีใหม่ๆ ก็เห็นแววผู้กองแป้งเริ่มสร้างปัญหาให้กับนายกฯตั้งแต่ไก่โห่ เริ่มจากเรื่องขอแบ่งพื้นที่จังหวัดรับผิดชอบไปทับสัมปทานเหยียบตาปลาพรรคประชาธิปัตย์หลายแห่งทางภาคใต้ พอขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเมื่อ 18 มิ.ย.2564 ก็อยากอัพเกรดขึ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวง”เกรดเอ” ไม่อยากนั่งเป็นพระรองแค่รัฐมนตรีช่วย ตอนนั้นก็ส่งส.ส.ลูกกระจ็อกออกมาทวงเก้าอี้จากนายกฯ แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ปรับครม.ให้เพราะตอนนั้นโควิด-19 กำลังระบาดสุดๆ สุดท้ายเมื่อไม่ได้ตำแหน่งสมปราถนาก็ออกลูกงอแงถึงขั้นคิดการใหญ่กับส.ส.พรรคเล็ก วางแผน “แจกกล้วยลิง” ตั้งเป้าหักขาสร.1 วางแผนหวังล้มนายกฯ กลางศึกซักฟอก 31 ส.ค. ถึง 4 ก.ย.2564 ให้ได้ แต่คนดีผีคุ้มอย่างพล.อ.ประยุทธ์ก็รอดเหลี่ยมคนชั่ว เอาตัวรอดพ้นวิบากกรรมมาได้ ก่อนแก้เผ็ดกลับด้วยการปลด “ตัวการ”อย่างร.อ.ธรรมนัส พ้นความเป็นรัฐมนตรีถีบพ้นเรือแป๊ะ จากนั้นก็เกิดการเปิดศึกปะทะกันหลายกรณี ที่สุดก็นำไปสู่การขับร.อ.ธรรมนัสกับกลุ่มส.ส.กบฎ 21 คนพ้นจากพรรคพลังประชารัฐชนิดทางใครทางมันเมื่อ 19 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา
ชัดเจนว่าความขัดเเย้งระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับร.อ.ธรรมนัส มีมากมายหลายเรื่องและเกิดขึ้นในหลายกรณี แค่ที่เป็นข่าวที่เป็นเรื่องตามหน้าสื่อก็เยอะมากแล้ว เบื้องหลังความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่ยาวเป็นมหากาพย์เล่ากันไม่รู้จบ เพราะหักเหลี่ยมเฉือนคมกันมาตลอดและร.อ.ธรรมนัสก็วางบทบาทเป็นหอกข้างแคร่พล.อ.ประยุทธ์เสมอมานับตั้งแต่เกิดการขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตามหลังร.อ.ธรรมนัสกับพวกโดนขับพ้นพรรคพลังประชารัฐแยกไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย หลายฝ่ายเชื่อว่าอาจทำให้ความขัดแย้งระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับร.อ.ธรรมนัสเบาบางลงได้บ้าง เพราะต่างฝ่ายต่างก็แยกกันอยู่แล้ว หนำซ้ำกาวใจยี่ห้อป้อมอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็การันตีหัวเด็ดตีนขาด ร.อ.ธรรมนัสกับพรรคพวกจากพรรคเศรษฐกิจไทยพร้อมสนับสนุนรัฐบาล ยินดีประคับประคองให้พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศเป็นนายกฯต่อไป
แต่ข้อเท็จจริงที่เราเห็นกับสิ่งที่พล.อ.ประวิตรพูดต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะร.อ.ธรรมนัสไม่เคยแสดงท่าทีหนุนหลังพล.อ.ประยุทธ์เลย แถมที่ผ่านมาก็ออกมาให้สัมภาษณ์ พูดจา แสดงความคิดเห็น สวนทางหรือตรงข้ามกับนายกฯตลอด บวกและแซะผู้นำแทบทุกเรื่อง อาทิ ให้ท้ายเด็กแว้นสามกีบที่ออกมาชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองว่าผู้ใหญ่ควรรับฟังความคิดเห็นของเด็กบ้าง แสดงความเห็นเรื่องนายกฯในดวงใจ ต้องเป็นคนที่มีเคมีใกล้ใกล้เราคือมีจิตสาธารณะ ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ สนับสนุนการให้ชาวบ้านทำสุราพื้นบ้าน โดยยืนกรานว่า สิ่งที่ทำวันนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนรากหญ้าหรือผู้ประกอบการสุราพื้นบ้าน ให้สามารถมีโอกาสที่จะเติบโตลืมตาอ้าปาก ไม่ใช่มีเพียงนายทุนที่มีโอกาสที่จะเติบโตแบบผูกขาด แซะผู้นำประเทศระหว่างไปเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่า เชื่อว่าประเทศไทยนั้นก็สามารถที่จะพัฒนาได้เท่าเทียมกับ สวิตเซอร์แลนด์ หากเรามีผู้นำที่มีความพร้อมและมีวิสัยทัศน์ดี ฯลฯ
แต่ที่พีคสุดๆ ก็คือ การลงพื้นที่ท่าเรือคลองเตย ในนามส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยเมื่อวานนี้ (1มี.ค.2565 ) งานนี้เจ้าตัวส่งสัญญาณ “แรง” และ “ชัด” หลายประเด็น ทั้งการระบุเตรียมส่งว่าที่ผู้สมัครส.ส.ครบทั้ง 400 เขตในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนกรานสนับสนุนแคนดิเดคตของพรรคเป็นนายกฯ ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศชัดเจนว่าเป็นพรรคอิสระ ซักฟอกเที่ยวหน้า ไม่อยู่ข้างรัฐบาลไม่อิงฝ่ายค้าน แต่ขอยืนอยู่ฝ่ายประชาชน หากรัฐมนตรีคนใดถูกอภิปรายและมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ชัดว่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย พร้อมโหวตสวนแน่นอน พร้อมเย้ยข้อมูลที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่า “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กางโพยยันกับนายกฯให้อุ่นใจว่ารัฐบาลมีเสียงสนับสนุนในมือ 260 คนว่าฝันไปหรือป่าว เอามือที่ไหนมานั่งแถมสวนเจ็บต่อให้มีจริงแต่ในนั้นคงไม่มีส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยแน่ เรียกว่ายังคงเสมอต้นเสมอปลายในการพยศเป็นเสี้ยนตำเท้าและหอกข้างแคร่ใกล้ตัวนายกฯตลอด ออกตัวแรงแบบนี้ระหว่างร.อ.ธรรมนัสกับพล.อ.ประยุทธ์คงไปต่อกันลำบากจูนกันคงยาก
ไอ้ที่มีข่าวว่ารัฐบาลอาจผ่าทางตันยอมกัดฟันดึงพรรคเศรษฐกิจไทย 18 เสียงมาอุดรูรั่วเพื่อไม่ให้เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำสุ่มเสี่ยงสภาล่มซ้ำซากอีก หลังจากที่เคยมีเสียงถึง 267 คน ก่อนถูกขับไป 21 คน คงเหลือเสียง 246 คน ไปซบพรรคภูมิใจไทย 3 คน ก็ทำให้เสียงซีกรัฐบาลขยับมาเป็น 249 คน แต่หลังได้ยินบทสัมภาษณ์ร.อ.ธรรมนัสออกมาแซะพล.อ.ประยุทธ์ปีนเกลียวนายกฯแบบนี้ คงยากแล้วที่จะกลับมาจูบปากกันได้อีก เพราะระดับนี้น่าจะถึงขั้น “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูจากความขัดแย้งน่าจะไม่เผาผีกันแล้ว ชั่วโมงนี้ร.อ.ธรรมนัสอาจยิ้มเยาะในใจเพราะถือไพ่เหนือกว่า และคงคิดใจในว่ายังไงพล.อ.ประยุทธ์หรือรัฐบาลก็ต้องง้อพรรคเศรษฐกิจไทย หากหวังจะอยู่ต่อยาวๆหรือเป็นรัฐบาลจนครบวาระ
งานนี้ร.อ.ธรรมนัสคงลืมคิดไปว่า ประการแรกพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนแข็งไม่ยอมใครง่ายๆ ประโยคที่ว่า “ยิ่งทุบยิ่งหวานเหมือนกระท้อน” ยังจำได้ไหม ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ยอมหักไม่ยอมงอมาตลอด ประการที่สองกระแสข่าว 260 เสียงหนุนรัฐบาลไปต่อบิ๊กตู่อยู่ยาว แม้ตอนนี้อนุทินจะออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยพูดตัวเลขนี้แต่เชื่อแน่ว่านายกฯและรัฐบาลมีแผนสองในมือแน่เรื่องนี้แน่ อยากน้อยก็คงมั่นใจใน “งูเห่า” ที่มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยฝากเลี้ยงพรรคฝ่ายค้านไว้หลายตัว ตรงนี้น่าจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลอุ่นใจเรื่องเสียงปริ่มน้ำ แม้ไม่มี 18 เสียงจากก๊วนร.อ.ธรรมนัสแต่ก็มีส.ส.ตัวช่วยอื่นแน่นอน ประการที่สามพล.อ.ประวิตรอย่าหลับหูหลับตายันอย่างเดียว่าร.อ.ธรรมนัสหนุนนายกฯ เพราะออกมาสัมภาษณ์ทุกครั้งสวนนายกฯตลอด ตรงนี้ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลต้องตามข้อมูลให้ทันบ้าง ไม่ใช่หลับหูหลับตาพูดอย่างเดียว เป็นแบบนี้มีแต่เสื่อมไปหน้า กลับมาที่ประเด็นผู้นำประเทศ เขี้ยวรากดินอย่างพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมา 2 สมัย 7 ปีเศษ อดีตผบ.ทบ.ผู้นำรัฐประหารคงไม่ปล่อยให้นักการเมืองระดับผู้กองแป้งมาขย่มข่มกันง่ายๆ อย่างน้อยวลีที่ตอบกลับมาเรื่องปรับครม.ที่ว่า ” ใครจะปรับเหรอ คุณจะปรับเหรอ ไม่ได้ปรับอะไรทั้งนั้น” ก็หนักแน่นชัดเจนยิ่งว่าปิดประตูตายเรื่องรับพรรคเศรษฐกิจไทยเช่นเดียวกับการรับร.อ.ธรรมนัสกลับขึ้นเรือแป๊ะ
/////////////////////