ศบค.เผยยังไม่ปรับพื้นที่สีควบคุมโควิด ยังคง 44 จังหวัดสีส้ม

ศบค. ไม่ปรับพื้นที่สีควบคุมโควิด ยังคง 44 จังหวัดสีส้ม 25 จังหวัดสีเหลือง และ 8 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวสีฟ้าตามเดิม “ นายกฯ ”

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาด วันนี้ทั่วโลกติดเชื้อ 427 ล้านกว่าราย เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านกว่าราย เสียชีวิต 5.92 ล้านราย เพิ่มขึ้น 7,760 ราย อัตราเสียชีวิตลดลงจากเดิม 2% เหลือ 1.38% ขณะที่การติดเชื้อรายวันของทั้งโลก กราฟมีแนวโน้มลดลง การเสียชีวิตเป็นแนวระนาบไม่ได้สูงตามการติดเชื้อ ส่วนประเทศไทยแม้ระลอกโอมิครอนยอดติดเชื้อสูง แต่การเสียชีวิตรายวันยังต่ำ

สำหรับประเทศไทย วันนี้ติดเชื้อ 21,232 ราย เสียชีวิต 39 ราย อัตราเสียชีวิตระลอก ม.ค. 2565 อยู่ที่ 0.19% ถือว่าต่ำ เพราะความรุนแรงลดน้อยลงไป ผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างการรักษา 173,605 ราย มีอาการหนัก 882 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 229 ราย ซึ่งผกผันตามจำนวนติดเชื้อที่สูงขึ้น จึงฝากให้ทั้งคนแข็งแรงและกลุ่มเปราะบางรีบมารับวัคซีน เพราะผู้เสียชีวิตวันนี้ 87% เป็นกลุ่มเสี่ยง 608

ข่าวที่น่าสนใจ

“สถานการณ์ติดเชื้อจริงตอนนี้ทะลุเส้นคาดการณ์สีแดงขึ้นไปแล้ว จากมาตรการที่เราผ่อนคลาย ดำเนินการกิจการกิจกรรม แม้ติดเชื้อไม่ได้ทำให้อาการมาก แต่กลุ่มเปราะบางจะมีอาการหนักและเสียชีวิตได้ จึงขอให้ช่วยกันไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ส่วนสถานการณ์เสียชีวิตยังอยู่ใต้เส้นสีเขียว แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อขึ้นหลักหลายหมื่น จึงต้องเร่งรับวัคซีนเข็ม 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ภาพรวมของการจัดระดับสถานการณ์ย่อยหรือพื้นที่สียังคงเดิม ข้อมูลทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลงไป โดยพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) อยู่ที่ 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 8 จังหวัด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณคอลเซ็นเตอร์ที่ทำงานอย่างหนัก และให้กำลังใจ รวมถึงทีมงานภาคประชาสังคมที่ช่วยทีมงานภาครัฐ ในการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ตามบ้าน เพราะบ้านของบางคนไม่เหมาะเป็นที่กักตัว พร้อมขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ โดยนายกฯ รับรู้ทุกเรื่อง และให้ติดตามผู้ติดเชื้อตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งหายป่วย เพื่อให้ทุกคนพึงพอใจ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ในช่วงที่มีคนไข้จำนวนมากก็อาจต้องเรียงลำดับความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องสายด่วน เพราะรู้ว่าความทุกข์ร้อนของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับสถานประกอบการที่เปิดให้บริการและมีการติดเชื้อ นายกฯ ฝากให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ควบคุม และติดตาม โดยกิจการเปิดได้ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ภาครัฐก็ต้องเข้าไปดูแลให้สมดุลกัน เพื่อให้ดำเนินกิจการได้ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"Carebeau" ปลุกความมั่นใจ! นร.ปลื้ม "ใช้ดี อยากใช้ต่อ"
สะเทือนแน่ "ลูกหมี ชุมพล" นำ 3 สส.รวมไทยสร้าางชาติ ชุมพร พร้อมมวลชนนับหมื่น รวมตัวแสดงจุดยืน เรียกร้องนายกฯลาออก รทสช.ต้องทบทวนร่วมรัฐบาล
"สก.นภาพล" โบกมือลา สมาชิก "ประชาธิปัตย์" เพิ่มอีกราย รับไม่ได้มติพรรคเดินหน้าร่วมรัฐบาล
"ฮุน เซน" เริ่มยุแยงรอบใหม่ กล่าวหาฝ่ายค้านไทย เสนอรัฐบาลหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา ลั่นกล้าจริงไล่แรงงานเขมรออกให้หมด
"อุตุฯ" เตือน 42 จังหวัด รับมือฝนถล่มหนัก กทม.โดนด้วย
กู้ภัยฯเมืองพัทยาเร่งช่วยหญิงสาวใช้ไม้แขวนเสื้อผูกคอ หวังจบชีวิตในอพาร์ตเมนต์
ไทยไม่แร้งน้ำใจเปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉินจากกัมพูชา ส่งรักษา รพ.เมืองจันทบุรี
สิบล้อขับพุ่งชนรถพ่วงจอดเสียซ่อมข้างทาง พบยาบ้า ยาไอซ์ และ เครื่องชั่ง
ทหารพราน ทพ.1304 สังกัด กองกำลังบูรพา รวบ 6 คนไทย ลอบข้ามแดนกลับไปทำงานคาสิโนปอยเปต
“นายกฯ” ยันเหตุไมค์โขกศีรษะ นักข่าวไม่ได้ตั้งใจ ขอบคุณทุกความห่วงใย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น