เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ. อภิชาติ ทองแพ ผกก. สภ.พระประแดง พร้อมด้วย นาย อานนท์ บูรณะภักดี นายอำเภอพระประแดง นาย สมปอง รัศมิทัต ประธาน กก.ตร.สภ.พระประแดง และ นาง โสภา มีสัมฤทธิ์ นายกเทศบาลเมืองลัดหลวง ร่วมกันมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ 2 พลเมืองดี (ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง) ที่ช่วยเหลือจับคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท ที่ร้านทองเยาวราชหน้าตลาดครุใน (ร้านทองแห่งหนึ่ง) ไว้ได้ คือ นาย สมาน ชุ่มเย็น อายุ 62 ปี และ นาย สรายุทธ ธรรมภักดี อายุ 47 ปี

สืบเนื่องเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 เวลาประมาณ 09.30 น.ที่ร้านทองเยาวราช สาขา 2 หน้าตลาดครุใน ถนนสุขสวัสดิ์ หมู่ 11 ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ มีนาย เสกสรร สุพรม อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดนครพนม แต่งกายใส่เสื้อยึดคอกลมแขนสั้นสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีเขียว สะพายกระเป๋าสีน้ำตาล เดินเข้าไปในร้านทองที่เกิดเหตุ แกล้งทำเป็นลูกค้าจะมาซื้อทอง บอกพนักงานขายว่าขอดูสร้อยคอขนาดน้ำหนัก 2 บาท พนักงานขายก็หยิบมาให้ดูเพื่อให้เลือก จนสักพักไม่ถึง 5 นาที นาย เสกสรรก็หยิบสร้อยคอทองคำไป 1 เส้น น้ำหนัก 2 บาท วิ่งออกไปจากร้าน พนักงานขายได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จน 2 พลเมืองดีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่อยู่บริเวณหน้าร้านทองได้ยินเสียงร้องและหันไปเห็นนาย เสกสรร วิ่งออกมาจากในร้าน โดยในมือข้างขวากำสร้อยคอทองคำอยู่ 1 เส้น จึงได้วิ่งเข้าไปจับนาย เสกสรร ไว้ได้บริเวณหน้าร้านด้านออก และคุมตัวเอาเข้าไปในร้านทอง และให้ล็อคประตูทันทีและโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาดำเนินการต่อ

ข่าวที่น่าสนใจ

ดราม่า รพ.สมุทปราการ ประกาศหยุดapec ผอ.ยืนยัน มีทีมแพทย์ดูแลตลอด24ชม.

ทางตำรวจได้สอบสวนเบื้องต้น นาย เสกสรร ได้ทราบว่าพักอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่ อ.พระประแดง ตกงานไม่มีงานทำมาได้เกือบเดือนแล้ว ไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เลยตัดสินใจมาก่อเหตุดังกล่าว และให้การรับสภาพ ทางด้าน พ.ต.ท.อิศรัฐ ตันสุ สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง ได้แจ้งข้อกล่าวหา วิ่งราวทรัพย์ และจะส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายเสกสม สุพรม อายุ 41 จังหวัดนครราชสีมา ผู้ก่อเหตุได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นช่างประกอบเครื่องจักรเกี่ยวกับของเล่นย่านบางพลีตนเองได้ตกมามากว่า 30 วัน ไปสมัครงานไว้ก็ยังไม่มีที่ไหนเรียกตัวรับทำให้ตนเองคิดเยอะเนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยติดยาสารเสพติดประเภทยาบ้า และออกจากคุกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้าอยู่ข้างนอกมันกางานยากก็เข้าไปอยู่ข้างในน่าจะดีกว่า ใจจริงคืออยากเดินมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยทำมาก่อนเกี่ยวกับยาเสพติดและในวันนี้ตนเองได้เดินเข้าร้านทอง จากนั้นได้หยิบทองและเดินออกมาตามปกติเพื่อ จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับเนื่องจากปัญหาและอุปสรรคของตนเองนั้นมันเยอะ ทั้งทั้งที่ตนเองนั้นได้จบ ป.6 แต่วุฒิใบประกาศภาษาอังกฤษของตนเองนั้นมีสี่ใบ งานก็ยังหายาก ตนเองไม่มีครอบครัวโดยที่พ่อและแม่นั้นเสียชีวิตไปหมดแล้ว โดยอาศัยตามโต๊ะสนุ๊กเร่ร่อนไปเรื่อยหากหิวก็จะขอข้าวเพื่อนกินเพื่อประทังชีวิตไปวันวัน ส่วนอนาคตถ้าตนเองออกจากคุกมาแล้วจะกลับตัวหรือไม่ยังตอบไม่ได้ แต่ถ้ามีงานตนเองก็อยากจะไปทำงานก่อนเพราะตนเองก็มีความรู้แต่ไม่ได้งานทำ ปัญหาและอุปสรรคมันเยอะมากเลยทำให้ท้อทำให้รู้สึกรับไม่ไหวโดยที่ตนเองนั้นเข้าและออกคุกมาถึงเจ็ดครั้งแล้ว ส่วนตัวก็คิดไม่ออกว่าจะบอกอะไรกับสังคมดีมันท้อ

นาย สมาน ชุ่มเย็น อายุ 62 ปี วินมอเตอร์ไซด์พลเมืองดีที่ช่วยจับคนร้าย 11/20 หมู่ 14 ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เล่าว่า ได้ยินเสียงเจ้าของร้านทองร้องโวยวาย มีคนฉกทอง และมีคนดันประตูออกมา เลยเข้าไปจับ เขามาคนเดียว คนร้ายเป็นผู้ชาย เอาทองไป 2 บาท ตอนเข้าไปจับเห็นเดินออกมาเลยเข้าไปจับล็อกคอเข้าไปในร้านทองเลย เพื่อไม่ให้วิ่งหนีออกไป และเอาทองส่งคืนเจ้าของร้านทองเขาไป ตอนช่วยไม่ได้คิดอะไรแค่ช่วยจับให้ทางร้าน คนร้ายบอกที่เกิดเหตุให้เหตุผลว่าไม่มีกินหาทางออกไม่ได้

นางสาว ยศวดี บุญสุข อายุ 54 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ ได้ยินเสียงคนโวยวายเลยหันไปมอง เห็นคนร้ายออกจากร้านทอง และพี่วินมอเตอร์ไซด์เขาจับตัวไว้ได้ และได้ไปดูว่าเขาปล้นทองจากทางร้านทอง คนร้ายมาขอดูทอง 2 บาท และเดินออกมาปกติจากร้าน น้องผู้หญิงที่อยู่ร้านทองร้องโวยวาย ทางมอเตอร์ไซด์วินที่อยู่ตรงนั้นก็เลยจับตัวไว้ โดยอายุคนร้ายน่าจะประมาณ 40-50 ปี

นาย อานนท์ บูรณะภักดี นายอำเภอพระประแดง ได้กล่าวกับสื่อว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุได้มีคนขับวินรถจักรยานยนต์จอดอยู่บริเวณหน้าร้านทอง ได้มีคนร้ายมาฉกทองจากนั้นพลเมืองดีที่ขับวินจึงได้ช่วยกัน จับกุมคนร้ายโดยที่ไม่นิ่งดูดาย โดยได้ช่วยเหลืองานเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง และเชิดชู ตนเองอยากจะฝากถึงชาวบ้านหรือการเป็นพลเมืองดี เป็นหน้าที่ที่ต้องทำแต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ให้ตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยว่าคนร้ายมีอาวุธติดตัวหรือไม่ และบอกต่อให้ช่วยกันจับกุมทั้งนี้ก็ถือว่าเป็นพลเมืองดีแล้วเพื่อเป็นการสกัดไม่ให้คนร้ายหลบหนีไปได้ไกล โดยทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้อย่างรวดเร็ว

ธนวัต นาคขำ / นางสาวปรางค์ทิพย์ จินดามรกฎ ผู้สื่อข่าว topnewsทั่วไทย จ.สมุทรปราการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตำรวจมอบใบประกาศชื่นชมสองวินมอไซค์รับจ้าง พลเมืองดีช่วยจับคนร้ายวิ่งราวร้านทอง