วันที่ 31 พ.ค. – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมวสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ว่า งบประมาณในส่วน ของกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีการถูกปรับลด โดยการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด19 นั้น จะเป็นการจะใช้ในงบประมาณเงินกู้ ซึ่งยังคงมีเหลืออยู่ถ้ายังไม่พอก็ยังมีงบกลาง ซึ่งก็เป็นไปตามที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่ปีที่แล้วพร้อมมั่นใจว่ามีงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนอย่างแน่นอน
ขณะที่มีการเสนองบประมาณที่จะดูแลสวัสดิการ และเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงอสม.เพิ่มเติมด้วยเนื่องจากเป็นบุคลากรที่ทำงานหนักเสียสละเพื่อประชาชน ขออย่าฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าจะไม่มีการดูแลเพราะทุกคนรู้ดีอยู่ว่าบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับส่วนงานทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม. รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกคนอย่างแน่นอนซึ่งเป็นนโยบายชัดเจนของนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องการที่จะจัดหาวัคซีนทางเลือก เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาลนั้น นายอนุทินกล่าวว่า อยู่ที่การพิจารณาตัดสินใจของ ศบค. กระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในขอบข่ายทางหัวหน้ารัฐบาลได้กำหนดไว้ ยืนยัน ว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ส่วนที่สถานีกลางบางซื่อได้ร่วมกับกระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานคร พร้อมกับภาคเอกชนก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งบางจุดยังต้องขอให้ชะลอเกรงว่าจะไม่สอดคล้องกับจำนวนวัคซีน โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติและจะปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพที่สุด ทำให้สอดคล้องกับนโยบายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หากมีข้อกังวลหรือปัญหาสาธารณสุขจะนำกลับไปเพื่อพิจารณา แต่คนที่เคาะคือ ศบค. โดยได้สั่งการไปแล้วอย่าให้มีการสะดุด บริการของกระทรวงสาธารณสุขเปิดแล้วห้ามปิดไม่มีการปิดรอวัคซีน ซึ่งขณะนี้ก็มีการกระจายจัดสรรวัคซีนไปทั่วถึง ทางกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดทั้งหมด
นายอนุทิน เปิดเผยด้วยว่า เมื่อช่วงเช้านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ประสานมา ให้อธิบดีกรมควบคุมโรคจัดสรรวัคซีนเร่งฉีดให้กับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ยังไม่ติดเชื้อก่อน ต้องใช้จำนวนหลายแสนโดส ทั้งนี้หน่วยงานใดที่ ทำเรื่องขอวัคซีนมาจะต้องทำแผนการใช้วัคซีนอย่างชัดเจนมาให้ด้วย ทั้งบุคลากร และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ก็ต้องมีพร้อม
เมื่อถามถึงความชัดเจนการได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาของเดือนมิถุนายน ที่จะเข้ามาพร้อมหรือไม่ นายอนุทินยืนยันว่า วัคซีนทุกยี่ห้อทั้งแอสตราเซเนกา ซิโนแวคหรือในอนาคตอาจจะมีไฟเซอร์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หรือซิโนฟาร์ม วัคซีนเหล่านี้เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลมีคุณสมบัติป้องกันโรคโควิด ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นวัคซีนอะไร ซึ่งแอสตราเซเนกา ก็เป็นผู้ส่งวัคซีนหลัก 1 รายของไทย ซึ่งทุกวันนี้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกวัน ไม่ได้แค่ดีเดย์ วันที่ 7 มิถุนายนเท่านั้น
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับ เร่งฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการศึกษาครูตามส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเทอม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ส่วนวัคซีนสำหรับเด็กหรือผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาวัคซีนไฟเซอร์ ที่ ได้รับการรับรองว่ามีคุณสมบัติสามารถฉีดให้กับเด็กต่ำกว่าอายุ 18 ไปจนถึง 12 ปีได้ ซึ่งหากเจรจาไฟเซอร์ได้ก็จะสามารถฉีดครอบคลุม ให้กับเยาวชนตั้งแต่อายุ 12 ถึง 18 ปีได้ ซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 6 ล้านคน ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปีจะต้องดูอีก ครั้งว่าวัคซีนไหนกำลังพัฒนา ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมจะดำเนินการพิจารณาและติดต่อ เพื่อจัดหามาฉีดให้กับเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กเพื่อความปลอดภัยและให้ผู้ปกครองได้คลายความกังวล ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะไฟเขียวอยู่แล้วซึ่งยอมรับว่าในกลุ่มเด็กยังมีวัคซีนไม่ทันที่จะเปิดเทอมนี้