วันที่ 27 ม.ค. 2565 ที่บริเวณสี่แยกท่าวัง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มอมหมายให้ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.สภ.เมือง นำกำลังตำรวจ สายตรวจ สายสืบไปร่วมกับนายฉัตรชัย อรุณสุวรรณกร รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช นายชาตรี อัครวิบูลย์ ประธานชมรมร้านทอง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันทดสอบเสาไฟอัจฉริยะ หรือ Smart Pole ในโครงการ Nakhon Si Thammarat Smart Safety Zone 4.0 โดยมีการสมมุติสถานการณ์จริงให้คนร้ายก่อเหตุจี้ชิงทองคำหนัก 1 บาท แล้วหลบหนีไปทางสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช โดยผู้เสียหายรีบมากดสัญญาณที่เสาไฟอัจฉริยะเพื่อแจ้งเหตุ โดยได้เกิดเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นประมาณ 10 วินาที หลังจากนั้นผู้เสียหายได้พูดคุยกับศูนย์รับแจ้งเหตุที่ลิงค์สัญญาณภาพ เสียงกับเสาไฟอัจฉริยะ โดยศูนย์รับแจ้งเหตุจะสามารถมองเห็นภาพผู้เสียหายและสื่อสารกันได้อย่างชัดเจนรวดเร็ว ผ่านกล้องวงจรผิดคุณภาพสูง ในขณะที่ศูนย์รับแจ้งเหตุจะสามารถเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดตัวบนอีกกล้องหนึ่งที่จับภาพเป็นบริเวณกว้าและไกล เพื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายได้ทันที ก่อนที่ตำรวจสายตรวจในจุดใกล้เคียงจะเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ตำรวจชุดอื่น ๆ ที่ได้รับแจ้งเหตุก็จะกระขายกำลังออกสกัดจับกุมคนร้ายอย่างรวดเร็ว และสามารถสกัดจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้ในที่สุด
โดยการทอสอบและสมมุติเหตุการณ์ดังกล่าวประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในย่านท่าวังและใกล้เคียงอย่างพลุกพล่านต่างแตกตื่นเพราะคิดว่ามีเหตุการณ์จี้ปล้นร้านทองกลางเมืองนครศรีธรรมราชเกิดขึ้นจริง แต่เมื่อทราบว่าเป็นการสมมุติและทอดสอบเสาไฟอัจฉริยะที่มีเพียงแห่งเดียวในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้ได้รับความสใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง และเชื่อว่าจะช่วยเหลือในการป้องกันอาชญากรรมหรือการติดตรมจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้ผู้ประกอบการร้านทอง ร้านค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยและทำกิจกรรมในย่านเศรษฐกิจใหญ่กลางเมืองนครศรีธรรมราช นายชาตรี อัครวิบูลย์ ประธานชมรมร้านทอง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ขอบคุณตำรวจ และเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ที่ให้การสนับสนุน โดยตนและร่วมประชาสัมพันธ์โครงการให้ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านทอง และประชาชนทั่วไปได้รับทราบในรายละเอียดและวิธีการใช้เสาไฟอัจฉริยะต่อไป
พ.ต.ท.ธีระพล กล่าวว่า โครงการ Smart City Zone 4.0 หรือเมืองอัจฉริยะ คือเมืองที่ถูกพัฒนาแล้วโดยวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ผสานกับการใช้ชีวิตของประชาชน เช่น การขนส่ง ระบบการจราจร และ เสาไฟอัจฉริยะที่สามารถปรับใช้ได้กับเมืองอัจฉริยะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีการติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะหรือ Smart Pole มีการรวมไดรเวอร์ใหม่และซ็อกเก็ตต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการในเมืองอัจฉริยะ เช่น กล้องวงจรปิด, ลำโพง, EV Charger, จอ LCD และ Wifi เป็นต้น เสาไฟอัจฉริยะ หรือ Smart Pole เป็นหนึ่งสัญญาณหลักว่าเมืองกำลังพัฒนาไปสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบเพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ที่สามารถรองรับนวัตกรรมอันทันสมัยได้อย่างไร้ขีดจำกัดและมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการให้แสงสว่าง เสาไฟอัจฉริยะตอบทุกโจทย์ด้านเทคโนโลยีให้แก่ Smart City โดยมีทั้งระบบชาร์จไฟรถยนต์ / ยานพาหนะ (EV), ระบบอินเตอร์คอม, ปุ่มกดฉุกเฉิน, กล้องวงจรปิด, ลำโพง, จุดเชื่อมต่อ Wifi และอุปกรณ์มือถือ, สถานีตรวจสภาพอากาศ, ป้ายโฆษณา, ธง, ป้ายชื่อ, เซลล์โฟโตวอลเทอิกและอินเวอร์เตอร์ ขนาดตามความต้องการใช้งาน ซึ่งนวัตกรรมที่ใช้กับเสาไฟอัจฉริยะ คือ IoT (Internet of Things) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หรือส่งข้อมูลระหว่างกันด้วยอินเทอร์เน็ต หรือเชื่อมต่อเข้ากับการใช้งานอื่น ๆ จนเกิดเป็นบรรดา Smart ต่าง ๆ เช่น Smart Network, Smart Home, Smart Grid, Smart Device, Smart Intelligent Transportation รวมถึง Smart Pole
“ซึ่งฟีเจอร์หลักของ Pole Panic Alarm Station สามารถโทรในกรณีฉุกเฉินได้ในปุ่มเดียว สามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงด้วยกล้องวงจรปิดแบบ Infrared (IR Camera) 2 ล้านพิกเซล การรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ผ่านการตรวจจับเสีย รองรับการกระจายสัญญาณ รองรับช่องเสียบ SD ในตัวซึ่งรองรับ MicroSD / SDHC / SDXC สูงสุด 128 GB มีระบบเสียงไซเรนและเครื่องขยายเสียง โดยความก้าวล้ำทางด้านเทคโนโลยีและมีการพัฒนาของระบบต่าง ๆ ในปัจจุบันนั้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก บริษัท เอ็นเทค อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด จึงขอแนะนำระบบเสาไฟอัจฉริยะที่มีความแม่นยำสูงถึง ที่มีความสามารถและฟีเจอร์หลายหลาก อาธิเช่น สามารถโทรออกในกรณีฉุกเฉิน มีระบบกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต มี Displayแสดงข้อมูลหรือข่าวสารที่สำคัญ กล้องวงจรปิด และ EV Charging ฟังก์ชั่นอัจฉริยะนี้ก็ถูกพัฒนาขึ้นให้สอดคล้องกับระบบ Cloud ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่เรียกกันว่า Internet Of Things (IOT) ทำให้สามารถเข้าถึงระบบจากที่ไหนก็ได้ภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัยและยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบต่าง ๆ ได้ และสามารถแสดงได้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ แบบ Real time ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือให้ความช่วยเหลือได้โดยทันที”
พ.ต.ท.ธีระพล กล่าวอีกว่า โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นการพัฒนารูปแบบวิธีการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก โดยใช้นวัตกรรมและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประชาชนลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรม มีความพึงพอใจและความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ โดยได้คัดเลือกจากสถานีตำรวจทั้งประเทศ เป็นสถานีตำรวจนำร่องในโครงการ 15 แห่ง ประกอบด้วย 1.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง 2.สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี 3.สถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ 4.สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ 5.สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 6.สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี 7.สถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง 8.สถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี 9.สถานีตำรวจภูธรปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 10.สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี 11.สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ 12.สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก 13.สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี 14.สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต และ 15 สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา “ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช แม้จะไม่อยู่ในโครงการนำร่อง 15 สถานี แต่ทาง พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง และ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน และตกลงที่จะกำหนดโครงการ Smart Safety Zone 4.0 โดยเลือกถนนใจกลางเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่สถานีรถไฟไปจนถึงสี่แยกพัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง จ.นครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 2 กม. และได้รับการร่วมมือและสนับสนุนจาก ดร.กณพ เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนคร นครศรีธรรมราช ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดเสี่ยงต่าง ๆ พร้อมไฟฟ้าส่องสว่าง และยังขอความร่วมมือจากสถานประกอบการร้านทอง ร้านค้าต่าง ๆ ให้ช่วยหันกล้องวงจรปิดออกสู่หน้าร้านให้สามารถจับภาพหน้าร้านและถนน หากเกิดเหตุร้ายขึ้นจะมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด นอกเหนือกล้องที่เสาไฟอัจฉริยะเพื่อนำไปสู่การสอบสวนสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วต่อไป”
ทางด้านนายฉัตรชัย อรุณสุวรรณกร รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ดร.กณพ เกตุชาติ นายกเทศมนตรีได้ให้ความสำคัญกับโครงการนี้เป็นอย่างมาก มีเป้าหมายในการสร้างเมืองให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินตลอด 24 ชม. จึงกำชับสั่งการให้ตนและเจ้าหน้าที่สนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับทางตำรวจอย่างเต็มที่ สำหรับเสาอัจฉริยะ เสาดังกล่าวมีมูลค่าประมาณเสาละ 1 แสนบาท และเป็นการติดตั้งเสาแรกเพื่อเริ่มโครงการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2565 โดยได้รับการสนับสนุนจาก ดร.นายแพทย์ปรัชญาพันธ์ เพชรช่วย อดีต คณบดีแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ หากได้ผลทาง ดร.นายแพทย์ปรัชญาพันธ์ เพชรช่วย และเอกชนรายอื่น ๆ จะให้การสนับสนุนติดตั้งเสาไฟอัจฉริยะในจุดอื่น ๆ ต่อไป และเทศบาล ฯก็พร้อมจะให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการเช่นกัน.
กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/ จ.นครศรีธรรมราช
