จากกรณีเพจดัง ” เจ๊ม๋อย วีพลัส ” มีการเผยแพร่คลิปวงจรปิดและข้อความระบุ “กรณีมีแก๊งมิจฉาชีพได้เข้าไปไถเงินจากลุงวัย 82 ปี เป็นเวลานานกว่า 5 ปี ยอดเงินกว่า 5 แสนบาท ตามที่ลุงได้บันทึกเอาไว้ในสมุดบันทึกตลอดเวลา จนทางลูกสาวและญาติได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดจับภาพของชายในคลิปกล้องวงจรปิดเอาไว้ได้ชัดเจน ต่อมาทาง พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมพนักงานสอบสวนและนายอชิตะ ทวีธรรมสิริกร อายุ 48 ปี ลูกเขยคุณตา ผู้เสียหายได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ซึ่งคุณตาวัย 82 ปี อดีตข้าราชการครูเปิดเป็นร้านถ่ายเอกสารบริเวณสี่แยกหมู่บ้านนายเลื่อน ถนนพัฒนาการคูขวาง 78 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราข ในเบื้องต้นตรวจสอบพบว่าคุณตาได้จดบันทึกลงในสมุดทุกครั้งที่ให้เงินชายหนุ่มคนหนึ่งรวมระยะเวลา 5 ปี รวมเป็นเงินสูงถึง 893,905 บาท ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนคุณตาอยู่ที่บ้านปรากฏว่าชายในคลิปได้เดินทางมาเพื่อขอเงินคณตาอีกครั้งเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวน ทราบชื่อนายชัยยุทธ สืบพงศ์ หรือ “บังซัน” อายุ 33 ปี บ้านอยู่ชุมชนจำปาขอม ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชข ให้การรับสารภาพว่ามาขอเงินคุณตาจริงแต่ไม่ได้ข่มขู่ หรือทำรายร่างกายคุณตาแต่อย่างใด ต่อมาทางญาติ ๆ ได้นำบัตรประจำตัวผู้ป่วยจิตเวชมาแสดงกับเจ้าหน้ารที่ตำรวจพร้อมยืนยันว่าจะเข้มงวดกวดขั้นกับพฤติกรรมของนายชัยยุทธ หรือ บังซัน”ไม่ให้ไปรบกวนขอเงินคุณตาอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปล่อยตัวให้ญาตินำไปเมื่อเย็นวานนี้ (17 ม.ค.) ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเมื่อเช้าวันที่ 18 ม.ค. 2565 ว่านายอชิตะ ทวีธรรมสิริกร อายุ 48 ปี ลูกเขยของคุณตา ผู้เสียหาย ได้ตรวจสอบกล้องวงจรผิดผ่านแอฟในโทรศัพท์มือถือพบว่านายชัยยุทธ ได้เดินทางมาที่บ้านคุณตาอีกครั้งและถือดอกกุหลาบสีแดงเล็ก ๆ ติดมือมาด้วย 1 ดอก จึงแจ้งให้สื่อมวลชนและ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทราบเพราะเกรงว่านายชัยยุทธ จะมาข่มขู่ทำร้ายและขอเงินคุณตาอีก ซึ่งผิดเงื่อนไขที่ทางญาติ ๆ ของนายชัยยุทธ สัญญาไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามคุณตา ได้ยืนยันว่านายชัยยุทธ หรือบังซัน มาหาตนจริงและตนได้ให้เงินไปด้วยความสงสาร ไม่ได้ถูกข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด
ต่อมา พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และสื่อมวลชนได้ประสาน น.ส.จงกล นำฤทธิ์ นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเจ้าหน้าที่ฯ จำนวนหนึ่งได้เดินทางมายังบ้านของคุณตา ทำการสอบถามรายละเอียดข้อมูลต่างๆ โดยนายอชิตะ ทวีธรรมสิริกร ลูกเขยคุณตาตั้งข้อสังเกตุว่าแม้คุณตาจะยืนยันว่าไม่ได้ถูกนายชัยยุทธ หรือ “บังซัน”ข่มขู่หรือทำร้ายร่างกาย และให้เงินนายชัยยุทธไปด้วยความสงสาร แต่จากการตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิดพบว่านายชัยยุทธ มีการหยิบล้วงเงินจากกระเป๋าของคุณตา และบางครั้งนายชัยยุทธ มากับบุคคลอื่น ๆ อีก 1- 2 คน ซึ่งอาจจะมีการรู้เห็นเป็นใจหรือทำกันเป็นขบวนการหรือไม่ และหากวันใดคุณตาไม่มีเงินให้เกรงว่าจะถูกนายชัยยุทธ และเพื่อนข่มขู่คุกคามทำร้ายร่างกายได้
ในขณะที่ น.ส.จงกล นำฤทธิ์ ได้อธิบายชี้แจงถึงการดำเนินการตามระเบียบกฎหมายในกรณีนี้ว่า เมื่อนายชัยยุทธ หรือ “บังซัน” เป็นผู้ป่วยจิตเวช มีหลักฐานบัตรประจำตัวคนไข้จิตเวชจาก รพ.ชัดเจน ขั้นตอนแรกทาง พม.จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปพบกับนายชัยยุทธ และญาติ ๆ ที่มีหน้าที่ดูแลนายชัยยุทธ ตามกฎหมาย เพื่อตรวจสอบรายละเอียด ข้อมูล ปัญหาอุปสรรคของครอบครัว รวมทั้งการรับประทานยารักษาอาการจิตเวชตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องหรือขาดยาบ้างหรือไม่ จากนั้นจึงทำบันทึกข้อตกลงกับพ่อแม่ ผู้ปกครองของนายชัยยุทธ ให้ควบคมดูแลนายชัยยุทธ อย่างเข้มงวดไม่ให้ไปรีดไถหรือขอเงินคุณตา ผู้เสียหายอีก แต่หากดำเนินการตามขั้นตอนแรกแล้วปรากฏว่านายชัยยุทธ ยังเดินทางมารีดไถหรือขอเงินจากคุณตาอีก เราจะต้องกระชับดำเนินการในมาตรการต่อไปคือการให้พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องเซ็นยินยอมให้เราควบคุมตัวนายชัยยุทธ เพื่อนำไปเข้ารับการบำบัดรักษา โดยอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “ส่วนกรณีต่อมาที่นายอชิตะ ทวีธรรมสิริกร และญาติ ๆ ของคุณตาสงสัยว่ามีคนบงการสั่งการ บังคับขู่เข็ญนายชัยยุทธ ให้มารีดไถหรือขอเงินจากคุณหากเป็นจริงก็จะเข้าข่ายความผิดการค้ามนุษย์ เป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินได้ เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ พม.จ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีกระบวนการการสอบสวนสืบสวนติดตาม เก็บข้อมูล รวบรวมพยานหลักฐาน มีพบหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำเป็นกระบวนการและมีคนบงการสั่งการให้ หรือใช้นายชัยยุทธ เป็นเครื่องมือมารีดไถหรือขอเงินจากคุณตาจริง จะถูกดำเนินคดีสถานหนักในข้อหาค้ามนุษย์ได้ ในกรณีนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนสอบสวนติดตามเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานระยะหนึ่ง”
ต่อมา พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ พร้อมคณะของ น.ส.จงกล นำฤทธิ์ และสื่อมวลชนได้เดินทางไปยังบ้านของนายชัยยุทธ หรือ “บังซัน” ในชุมชนจำปาขอม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากบ้านคุณตา ผู้เสียหายราว 3 กม. โดยมีคณะของผู้บริหาร และ ส.ท.เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช รวมทั้งประธานชุมชนจำปาขอม ร่วมเดินทางไปด้วย พบนายชัยยุทธ หรือ “บังซัน” อยู่ในบ้านกับนางอุไร หรือม๊ะ สืบพงศ์ อายุ 63 ปี มารดา โดยทั้งสองให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี นางอุไร หรือม๊ะ สืบพงศ์ แม่ของนายชัยยุทธ หรือบังซัน กล่าวว่า บังซันบุตรชายเสพยาเสพติดมากเกินไปจนทำให้ป่วยเป็นจิตเวช แต่พูดจารู้เรื่องหากขัดใจก็อาจจะมีอาการเกี้ยวกราดโมโหบ้าง ตนพยายามพาบังซัน บุตรชายไปรักษามาโดยตลอด ในปัจจุบันก็ยังต้องรับประทานยารักษาอาการจิตเวชอย่างต่อเนื่อง ตนทราบว่าบุตรชายไปหาขอเงินคุณตาที่ซอยหมู่บ้านนายเลื่อน และนำมาแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ตนได้เดินทางไปหาคุณตาหลายครั้งและรู้สึกสารคุณตาที่ยอมให้เงินบังซัน บุตรชายเป็นประจำ ตนสงสารคุณตามากกว่าสงสารบังซันบุตรชายเสียอีก และสั่งกำชับคุณตาว่าอย่าให้เงินบังซัน เพราะบังซัน เอามาแจกจ่ายคนอื่น ๆ และอาจจะนำไปซื้อยาเสพติด ตนไม่มีเวลาที่จะกำชับดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะตนต้อง ทำมาหากิน ค้าขายหาเช้ากินค่ำ หากตนมีเงินตนจะจ่ายคืนให้คุณตา แต่คุณตาบอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องจ่ายคืน ให้บังซันด้วยความเอ็นดูสงสาร และรักบยังซันเหมือนลูกคนหนึ่ง “อย่างไรก็ตามตนจะดูแลบังซันและสั่งห้ามไม่ได้ไปขอเงินคุณตาอีก จะพยายามจนถึงที่สุด แต่สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคืออยากให้หน่วยงานใดก็ได้ช่วยนำบังซัน ไปเขารับการบำบัดรักษาให้หายขาดด้วย จะได้กลับมาช่วยเหลือทำมาหากิน เพราะอยู่กันสองคนแม่ลูกเท่านั้น ในขณะที่นายชยากร ขำคม ส.ท.เขต 2 รวมทั้งประธานชุมชนจำปาขอม รับปากว่าจะช่วยกันควบคุมดูแลนายชัยยุทธ อีกทางหนึ่งไม่ให้เดินทางไปขอเงินคุณตาอีก”
นายชัยยุทธ หรือบังซัน กล่าวว่า ตนเรียกคุณตาว่า “คุณปู่” ตนรักคุณปู่มาก คุณปู่ใจดี มีเมตตา และไม่เคยข่มขู่หรือทำร้ายคุณปู่เลย ยอมรับว่าไปขอเงินคุณปู่ต่อเนื่องมาหลายปีแล้วจริงๆ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแบบนรี้ต่อไปตนจะไม่ไปขอเงินคุณปู่อีก และไม่ได้พบหน้ากันตนคงคิดถึงคุณปู่มาก โดยเมื่อวานนี้หลังจากตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวนและปล่อยตนกลับบ้าน ถึงตอนเช้าวันนี้ตนไปหาคุณปู่จริงๆ แต่ไปเพื่อขอโทษคุณปู่ที่ทำให้เดือดร้อน โดยตนได้นำดอกกุหลาบไปกราบขอโทษคุณปู่ด้วย ตนรักคุณปู่มากครับ
ในขณะที่ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นประชาชนอาจจะมองว่าตำรวจไม่สนใจ ตำรวจจับแล้วปล่อย อยากจะเรียนชี้แจงว่าตำรวจพยายามทำทุกอย่างตามระเบียบและขั้นอนกฎหมาย เราไม่อาจจะควบคุมตัวเขาได้เพราะเขาเป็นผู้ป่วยจิตเวชที่มีบัตรประจำตัวเป็นหลักฐานชัดเจน เราระงับเหตุและควบคุมตัวไว้ได้ในระยะสั้น ๆ เมื่อพ่อแม่ ผู้ปกครองมารับและสัญญาว่าจะควบคุมดูแลไม่ให้มาก่อเหตุซ้ำอีก ตำรวจก็ต้องปล่อยตัวไป เมื่อมาอีกตนจึงร่วมกับสื่อมวลชนประสานเจ้าหน้าที่ พม.จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง และมีระเบียบขั้นตอนในทางปฏิบัติอยู่แล้วมาร่วมดำเนินการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นการบูรณาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาจนสำเร็จดังกล่าว.
กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/ จ.นครศรีธรรมราช