จากกรณีที่วานนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ “พระราชพัฒนาภรณ์” อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง และเจ้าอาวาสวัดไชโยวรวิหาร ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ฐานหย่อนความสามารถ ด้วยเกรงว่าหากดำรงสมณศักดิ์อาจจะไม่งดงาม ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยมี พลประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
สำหรับ “พระราชพัฒนาภรณ์” เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อปี 2563 เมื่อมีผู้แอบถ่ายคลิปวิดีโอว่าพระราชพัฒนาภรณ์อยู่ในกุฏิ 2 ต่อ 2 กับหญิงสาว โดยคลิปดังกล่าวพระราชพัฒนาภรณ์ได้เดินออกมาที่ประตูกุฏิ ก่อนจะมองซ้ายมองขวา จากนั้นหญิงสาวจึงเดินตามออกมา นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกดดันจากหลายฝ่าย จนพระราชพัฒนาภรณ์มีหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง ขอลาออกจากตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง และเจ้าอาวาสวัดไชโยวรวิหาร
ต่อมา หญิงสาวในคลิป ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงว่า เจ้าอาวาสมีศักดิ์เป็นหลวงอาของตนเอง และเป็นคนในครอบครัวของเธอ ซึ่งทุกเทศกาล หรืองานสำคัญ เธอจะกลับไปนมัสการหลวงอาที่วัดไชโยเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนเหตุการณ์ในคลิป เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคม ระหว่างที่เธอไปทำบุญ 100 วันให้ลุง ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของหลวงอา หลังทำบุญเสร็จ ก็เดินตามหลวงอาเข้าไปที่กุฏิ เพื่อนำของมาแจกให้ญาติที่มาร่วมงาน แต่ในคลิปกลับมีเพียงแค่ภาพเธอเดินตามหลวงอา ออกมาจากกุฏิเท่านั้น และนำไปโพสต์ข้อความเสื่อมเสีย จึงขอประณามผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ด้าน นายสิปป์บวร แก้วงาม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยอมรับว่าการถอดถอนสมณศักดิ์พระราชพัฒนาภรณ์ สืบเนื่องมาจากปรากฏคลิปสีกากับพระรูปดังกล่าวอยู่กันสองต่อสองในกุฏิ แล้วมีผู้ร้องเรียนมาให้คณะสงฆ์ จังหวัดอ่างทอง ดำเนินการตรวจสอบ เมื่อพิจารณาจากคลิปแล้ว คณะสงฆ์ จังหวัดอ่างทอง ลงมติว่าเป็นกิริยาที่ดูไม่เหมาะสม เพราะเป็นพระเถระผู้ใหญ่ ทั้งยังมีตำแหน่งในการปกครองสงฆ์ระดับสูงถึงรองเจ้าคณะ จังหวัดอ่างทอง และเจ้าอาวาสวัดไชโย จึงเสนอให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว โดย มส.ได้มีมติเห็นชอบ ก่อนทำเรื่องกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดถอนสมณศักดิ์ โดยขณะนี้พระรูปดังกล่าวไม่ทราบว่าย้ายไปอยู่วัดใด และยังไม่มีข่าวว่าลาสิกขา แล้วหรือไม่
อย่างไรก็ดี เพจเฟซบุ๊ก พระสังฆาธิการ เผยแพร่ประวัติ “พระราชพัฒนาภรณ์” พร้อมลำดับสมณศักดิ์ดังนี้
พ.ศ.2538 เป็นพระครูสัญญาบัตรผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูพิศาลชัยมงคล
พ.ศ.2543 เป็นพระครูสัญญาบัตรผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2550 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2553 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระสิทธิพัฒนาภรณ์
พ.ศ.2558 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชพัฒนาภรณ์ สุนทรวิหารกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2558 จํานวน 1,195 รูป
