รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้มีการหารือกันถึงประเด็นของการวอล์คอินเข้าไปฉีดวัคซีน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้รูปแบบวอล์คอิน เพราะหากประชาชนแห่กันไปพร้อมกันที่จุดเดียว จะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ ในต่างจังหวัดไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ในกรุงเทพฯ มีคนจำนวนมาก อยากให้ปรับรูปแบบใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ให้ไปลงทะเบียน ณ จุดที่ตั้ง ซึ่งจะมีการกำหนดให้ชัดเจน ต้องใช้เวลา ตอนนี้ให้ยึดแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมไว้ก่อน ให้คนที่ลงทะเบียนหมอพร้อมและกลุ่มเสี่ยงได้ฉีดก่อน จึงขอให้หน่วยงานไปปรับปรุง และแก้ปัญหาแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมเพื่อให้พร้อมใช้ อย่าให้เกิดปัญหาประชาชนลงทะเบียนไม่ได้ และขอให้หยุดพูดเรื่องวอล์คอินไปก่อนจนกว่าจะได้มาตรการที่ชัดเจน เดี๋ยวคนวอล์คกอินเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะโวยวายเอา หากวัคซีนมีเพียงพอแล้วค่อยมาจัดการกันใหม่ เรื่องวอล์คอิน ละเอียดอ่อน ต้องจัดการดี ๆ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกำชับ ให้ ศบค.เป็นคนให้ข่าวแห่งเดียว อะไรที่ได้ข้อสรุปแล้วถึงค่อยออกมาพูด ส่วนนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ และอยากให้ทบทวนเรื่องวอล์คอิน เพราะถ้าคนเดินทางเข้าไปแล้วไม่ได้ฉีดจะเสียหาย จะด่ารัฐบาลอีก ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้อธิบายหรือพูดอะไร นอกจากกล่าวสั้น ๆ เพียงว่า “ตามที่นายกฯ สั่งการครับ”
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังได้พูดถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่เกิน 1 แสนราย ว่าอยากให้ดูตัวเลขว่าเป็นอย่างไร ผู้ติดเชื้อกี่คน หายป่วยกี่คน พยายามหามุมดีๆ มานำเสนอ ส่วนที่มีการเสนอให้ล็อกดาวน์นั้น คงเป็นไปได้ยาก เพราะจำเป็นต้องดูแลคนทำงาน ลูกจ้าง ตอนนี้ต้องดูว่าหลังผ่อนคลายมาตรการเปิดให้รับประทานอาหารในร้านได้ 25% ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้แล้วเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มาจากร้านอาหารก็อาจจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเข้ามาอีก เช่น ขยายปริมาณนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ถ้าพบว่ามีผู้ติดเชื้อจากร้านอาหารก็ต้องทบทวนอีกครั้งว่าอาจต้องปิดเป็นเวลา 14 วันหรือไม่
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำว่า น่าจะจัดการไม่ยาก สามารถควบคุมได้ เพราะเรือนจำมีพื้นที่ชัดเจน แต่ขอให้กระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุขประสานงานแก้ปัญหากันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังให้ยกเลิกทัวริสม์บับเบิล หรือการท่องเที่ยวแบบจับคู่ที่รัฐบาลจะทำก่อนหน้านี้ออกไปก่อน เพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น