จากนั้นในช่วงบ่าย รมว.วธ. ลงพื้นที่ชุมชนบ้านหนองขาว อำเภอท่าม่วง หนึ่งในชุมชนคุณธรรมต้นแบบที่ได้รับการยกย่องด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นถิ่น ทั้งสถาปัตยกรรมเรือนขาวโบราณ การแสดงพื้นบ้านอาหารดั้งเดิม และงานหัตถกรรมหลากหลาย
โดยชุมชนแห่งนี้ดำเนินงานร่วมกับวัดอินทารามภายใต้แนวคิด “บวร” บ้าน–วัด–โรงเรียน เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้กล่าวชื่นชมความเข้มแข็งของชุมชน
พร้อมระบุว่าชุมชนคุณธรรมเป็น “ต้นแบบของการใช้วัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจจริง” ตามเจตนารมณ์ไท ไทย ที่เน้นยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เชื่อมต่อสู่โอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ
ต่อจากนั้นเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้น “แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า” แหล่งโบราณคดีสำคัญระดับชาติและระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นสถานที่ค้นพบ “มนุษย์ยุคหินใหม่” อายุราว 3,000 – 4,000 ปี พร้อมโบราณวัตถุยุคเดียวกัน ที่รู้จักกันในชื่อ “วัฒนธรรมบ้านเก่า” ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการศึกษาพัฒนาการสังคมมนุษย์
โอกาสนี้ได้ตรวจเยี่ยมการจัดแสดงนิทรรศการและการบริหารจัดการพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฯ ให้เป็น “พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่” ที่เข้าถึงง่ายและดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจควบคู่กับการอนุรักษ์อย่างสมดุลอีกด้วย
ต่อมาลงพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อำเภอไทรโยค หรือที่รู้จักในชื่อ “ปราสาทเมืองสิงห์” โบราณสถานศิลปะขอมแบบบายน อายุกว่า 8000 ปี
ซึ่งสะท้อนความรุ่งเรืองของอารยธรรมในลุ่มน้ำแควน้อย ผ่านปราสาทศิลาแลง และโบราณสถานสำคัญหลากหลาย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้รับฟังข้อมูลด้านการอนุรักษ์และแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยว
ก่อนเน้นย้ำว่าอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สามารถสร้างรายได้และกระจายโอกาสให้ชุมชนได้ด้วยการบูรณาการการบริหารจัดการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
“การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการสนับสนุนชุมชนบ้านรางหวายและชุมชนคุณธรรมวัดอินทารามให้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยทุนทางวัฒนธรรม
ส่วนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า และอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ พร้อมสนับสนุนให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้แก่ประชาชนและเยาวชน ทั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การอนุรักษ์
แต่เป็นการต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรมสู่พลังเศรษฐกิจวัฒนธรรมที่จับต้องได้ เสริมอัตลักษณ์และความภาคภูมิใจของคนในพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบาย ไท ไทย – สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน” รมว.ซาบีดา กล่าว


