สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายแพทย์เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดีย ซึ่งยังคงอยู่ในระดับวิกฤต จึงส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานของวัคซีน ที่ WHO พึ่งพิงสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียเป็นหลัก จากการเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อวัดจากปริมาณ เนื่องจากปัจจุบันสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียต้องเน้นการผลิตวัคซีนให้เพียงพอแก่การใช้งาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันจากโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในประเทศก่อน ด้วยเหตุนี้ WHO จึงวิงวอนให้บรรดาบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่แห่งอื่นของโลก เร่งการส่งมอบสินค้าให้เร็วกว่ากำหนด หรือปันส่วนวัคซีนให้แก่โครงการโคแวกซ์ ซึ่งเป็นแคมเปญแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโโควิด-19 ให้แก่ประเทศรายได้น้อย ที่ WHO ร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน หรือ กาวี และกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ
นายแพทย์เทดรอส กล่าวอีกว่า WHO มีความยินดี ที่บริษัท แอสตราเซเนกา ของสหราชอาณาจักร เพิ่มกำลังการผลิตและความเร็วในการส่งมอบอย่างต่อเนื่อง จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บริษัทอื่นจะปฏิบัติตามเช่นกัน โดยขณะนี้ ไฟเซอร์ไบโอเอ็นเทค มีสัญญาส่งมอบวัคซีนประมาณ 40 ล้านโดส ให้แก่โคแวกซ์ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่ WHO ขอให้โมเดอร์นาเลื่อนการส่งมอบวัคซีนลอตปี 2565 มาเป็นภายในปีนี้แทน
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายแพทย์เทดรอสเรียกร้องบางประเทศ ที่เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่เด็ก ควรชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อน แล้วส่งมอบวัคซีนที่เหลือเฟือให้โคแวกซ์นำไปมอบให้แก่ประเทศยากจนและห่างไกล ซึ่งยังไม่มีวัคซีนแม้แต่หยดเดียว