วันนี้ (17พ.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึง กรณีนักโทษในเรือนจำ ติดเชื้อโควิด-19 โดย กระทรวงสาธารณสุข จะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างนั้น ทั้งนี้ จะพบว่า มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ก็อาจจะใช้มาตรการคล้ายกับจังหวัดสมุทสาคร คือ การซีล แอนด์ บับเบิ้ล หรือ การช่วยคนป่วยออกมาจากพื้นที่ ก่อนนำมากักตัว ภายในระยะเวลา 14 วัน ดังนั้น สิ่งที่ เรือนจำ จะต้องทำคือ การสร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นมา เพื่อรักษาอาการผู้ป่วยติดเชื้อ หรือ หากมีผู้ป่วยที่อาการหนักถึงขั้นรุนแรง และจะต้องนำมารักษาที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ ก็จะต้องมีการจัดการที่ครอบคลุม ดังนั้น การปิดเรือนจำ คือ ห้ามญาติเข้าเยี่ยม หรือ พบปะพูดคุยกับนักโทษ ก็ยังดีกว่าการมีคลัสเตอร์ แพร่กระจายในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เพราะในเรือนจำ มีขอบเขตที่จำกัด ซึ่งถือว่า เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่มีจุดดีและจุดด้อยต่างกันเท่านั้น
เบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุข จะให้การช่วยเหลือทุกกรณี แต่สำหรับสถานการณ์ในครั้งนี้ อาจจะต้องมีการวางแผนและออกแบบ รวมทั้ง ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าไปในเรือนจำเพื่อให้คำแนะนำ และทำตามวิธีการที่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ จะต้องย้ำว่า เจ้าหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ พยาบาล หรือหน่วยงานต่าง ๆ มีงานค่อนข้างที่จะล้นมือ เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงคิดว่าถ้าทุกคนช่วยกัน ก็จะสามารถผ่านวิกฤตปัญหานี้ไปได้ด้วยดี
สำหรับ กรณีนักโทษที่ติดเชื้อภายในเรือนจำ จะเข้าเงื่อนไขของ สปสช. หรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ประชาชนทุกคนในประเทศไทย เข้าข่ายเงื่อนไขของ สปสช. ทุกคน กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการช่วยเหลือและรักษาผู้ป่วยทุกรายอย่างแน่นอน
ส่วนการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 นั้น มีอยู่ด้วยกัน 4 ประการคือ 1.ต้องเข้าใจและป้องกันตนเอง รวมทั้ง เชื่อฟังมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ 2.ต้องเข้าใจ ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการให้ลดการพบปะซึ่งกันและกันออกไปก่อน 3.การควบคุมโรค โดยการซักประวัติของผู้ที่ติดเชื้อและนำมากัดตัวให้เร็วที่สุด และ 4.การรักษา โดยทั้ง 4 ส่วนนี้ ไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าเราทุกคนช่วยกันป้องกัน แพทย์และพยาบาล ก็ไม่ต้องทำงานหนัก ขณะเดียวกัน มาตรการของรัฐบาล ถ้าไม่มีความเข้มข้นและจริงจัง ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จในการควบคุมโรคอย่างแน่นอน
