วานนี้ 17 พ.ย.2564 ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 3 มีคิวลงมติวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ตามที่ “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ “บูดล้มเจ้า” ปิยบุตร แสงกนกกุล กับพวก และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 135,247 คน เป็นผู้เสนอมา โดยผลการลงคะแนนแบบขานชื่อที่ละคน ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภามีมติ ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนดังกล่าว ด้วยมติ 473 ต่อ 206 งดออกเสียง 6 เสียง แบ่งเป็นคะแนนเห็นชอบฝ่าย ส.ส. 203 เสียง ส.ว. 3 เสียง ส่วนคะแนนไม่เห็นชอบ ฝ่าย ส.ส. 249 เสียง ส.ว. 224 เสียง โดยมี ส.ส.และ ส.ว.งดออกเสียงฝ่ายละ 3 เสียง สำหรับ ส.ว.ที่ออกเสียงรับหลักการ 3 ราย คือ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, มณเฑียร บุญตัน และ พิศาล มาณวพัฒน์ ส่วนส.ว.ที่งดออกเสียง ได้แก่ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา, เจน นำชัยศิริ และ อำพล จินดาวัฒนะ เท่ากับว่าส.ส.และส.ว. ได้ช่วยกันผนึกกำลังพิทักษ์รัฐธรรมนูญฉบับประชามติ ตีตกไม่รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชน เนื่องจากคะแนนเสียงรับหลักการน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสองสภา หรือน้อยกว่า 362 เสียง จากสมาชิกทั้งหมด 723 คน
ไอติมแกนนำกลุ่มรีโซลูชั่นยืนยันไม่ท้อและเตรียมเดินหน้าต่อเรื่องนี้ พร้อมย้ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนที่ถูกตีตกไม่ใช่เพราะเขียนเนื้อหาแบบสุดโต่ง ” การที่รัฐสภาโหวตไม่รับร่างนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ที่ข้อเสนอของเราไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติในสังคม” หลานมาร์คระบุ ก่อนยกคำว่า “ควร” ที่สะกดด้วย ค ว ร มาเปรียบเทียบการล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดย ค.หมายถึง ความพยายามคืนศักดิ์ศรีให้สถาบันการเมือง ว.มาจากคำว่าไว้ใจ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกคิดค้นบนพื้นฐานที่พยายามสร้างระบบการเมืองที่ไว้ใจประชาชน ส่วน ร.มาจากระบบที่เป็นกลาง ทุกคนมีเสียงเท่าเทียมกัน ต้องยอมรับว่าภารกิจยังไม่สำเร็จ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังต้องเดินหน้าต่อไป
ด้านคู่หูล้มเจ้าอย่างปิยบูด ย้ำกับมวลชนฝ่ายตัวเองว่า ประชาชนที่ร่วมลงชื่อและติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่าเพิ่งสิ้นหวัง เรายังมีลมหายใจ มีความคิด มีกำลังที่จะรณรงค์ต่อไป เพราะทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ทำได้ยากแต่หากเราไม่เคลื่อนไหว ไม่รณรงค์ต่อไป พวกเขาก็จะอยู่กับรัฐธรรมนูญที่เขาออกแบบมาได้อย่างต่อเนื่องตลอดกาล “นี่จึงเป็นภารกิจของพวกเรา ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญตัวจริงเสียงจริง จำเป็นต้องรณรงค์ผลักดันเรื่องนี้ต่อไปแม้ว่าจะไม่ประสบความ สำเร็จ ล้มเหลว แม้ว่าจะล้มลงกี่ครั้งก็ตาม เราต้องลุกขึ้นมาใหม่แล้วต่อสู้ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จจนได้” บูดล้มเจ้ากล่าว
ถือเป็นการสำเร็จลุล่วงอีกหนึ่งกิจกรรมที่กลุ่มสามกีบล้มเจ้าวางแผนไว้แล้ว ว่าต้องผลักดันเรื่องนี้ไปต่อยอดหารือในสภาปักธงเป็นยุทธศาสตร์ของฝ่ายสามกีบล้มเจ้า ใช้เวทีรัฐสภาเป็นที่ประกาศร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชน ทั้งๆที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าชื่อแค่ 135,247 คนเท่านั้น แต่จะมาล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับพ.ศ. 2560 ที่ผ่านการเห็นชอบจากคนไทยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เห็นชอบถึง 61.35 % คิดเป็น 16,820,402 ล้านคน ด้วยเหตุนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรมเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองบ้านเมือง จู่ๆ จะให้เด็กอมมืออย่างไอติมตี๋ล้มเจ้าเณรคุณชาติอย่างปิยบูด เขียนเนื้อหารัฐธรรมนูญแบบต่ำๆเอาความคิดแบบสามานย์บัญญัติกฎหมายกฎเมืองสูงสุดของประเทศ ด้วยอคติด้วยความโกรธด้วยความใขบาปหยาบช้า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับ 4 ล. คือ “ล้ม โละ เลิก ล้าง” ที่หาเรื่องเอาคืนฝ่ายเห็นต่างกับตนมาใช้ปกครองประเทศเป็นใครจะยอมได้
เริ่มต้นก็ให้ล้มส.ว. 250 คน ที่เป็นผู้ทรงคุณวุติเป็นองค์กรที่คานอำนาจผู้แทนออกไปให้หมด อนาคตให้คงเหลือแค่สภาเดี่ยวสภาเดียวคือส.ส. แบบนี้ก็กินกันมโหฬารโกงกันระเบิด ถัดมาให้โละตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระต่างๆ ถามว่าต่อไปถ้ามีเรื่องวิปริตมีคดีทุรยศกับนักการเมืองจากพรรคการเมือง จะให้ใครไปลงโทษให้องค์กรใดไปตรวจสอบ จากนั้นก็เสนอเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ก่อนหน้านี้เขาอุตส่าห์ตั้งสภาวางตัวคณะกรรมการมาเสนอมาวางรูปแบบโรดแมพของประเทศไทยในอนาคต ไม่ให้นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจในแต่ละยุคแต่ละสมัยนำพาบ้านเมืองไปแบบไร้จุดหมายสะเปะสะปะ สุดท้ายคือล้างมรดกบาปของคสช. ตั้งกฎหมายเอาผิดคณะปฏิวัติ เขียนหน้าที่ประชาชนต้องต่อต้านรัฐประหาร ข้าราชการต้องเกียร์ว่างห้ามเดินตามคำสั่งทหารที่ยึดอำนาจ สุดท้ายปลายทางศาลสถิตยุติธรรมก็ห้ามรับรองความถูกต้องให้ แต่ละเรื่องแต่ละข้อล้วนหวังทำลายองค์กรพิทักษ์บ้านเมืองปกป้องสถาบันแทบทั้งสิ้น และเนื้อหาที่เสนอมาว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน สักบทสักบรรทัดก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ประเด็นทุกข์ร้อนของชาวบ้านเลย มีแต่เรื่องตัวกู พวกกู ฝ่ายกู ต้นทางอ้างชาวบ้านปลายทางมุ่งหมายล้มล้างราชวงศ์
แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ (อ้าง) ประชาชนจะถูกตีตกไป แต่เชื่อแน่ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามกีบล้มเจ้าจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน ผลงานในสภารอบนี้ก็คงเอาไปเคลมกับฝ่ายตามเอาไปบิดเบือนกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ถูกเป่าหูหลงผิดได้อีกหลายยก แต่อนาคตเชื่อแน่ว่า 2 คู่หูหนักแผ่นดินเนรคุณชาติ อย่าง “ทอนสามกีบ-บูดล้มเจ้า” คงประเมินแล้วว่าวันเวลาของฝ่ายตัวเองเหลือน้อยลงทุกที เพราะคดีความต่างๆก็ บีบรัดเข้ามาทุกขณะ ฝ่ายธนาธรขณะนี้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในข้อหา ม.112 จากกรณีจัดไลฟ์เฟซบุ๊ก “วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ใครเสีย?” กล่าวหาวัคซีนล่าช้า แทงม้าตัวเดียว พาดพิงสถาบันมีเอี่ยวได้ประโยชน์จากการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนก้าฉีดให้ประชาชน ส่วนปิยบูดก็ถูก เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และเทววิทยา ร้องเอาผิดสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ในข้อหา ม.108 ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และ ม.112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ด้านพรรคก้าวไกลก็สุ่มเสี่ยงถูกยุบพรรคจากกรณีถูกร้องเป็นผู้สนับสนุน 3 แกนนำล้มเจ้าจากศาลรัฐธรรมนูญเร็วๆนี้ ขณะที่ 3 แกนนำอย่าง “อานนท์ ไมค์ รุ้ง” ก็รอวันถูกจับนับนิ้วเตรียมขึ้นศาลถูกพิพากษาอยู่รอมมะร่อ ส่วนแกนนำแถวสองแถวสามอย่าคิดว่าจะรอดอย่านึกว่าจะลอยนวล เพราะคดีความต่างๆรอดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลอยู่เป็นพะเรอเกวียน วลีที่ว่า “อบอุ่นในออนไลน์เดียวดายหน้าบัลลังก์” ยังใช้ได้และเป็นจริงเสมอ จากนี้รับรองคดีความต่างๆจะทยอยขึ้นสู่ศาลกันอุตลุต ปลุกคนให้ไปม็อบยุเด็กให้ติดคุก ทำลายบ้านเมืองล้มล้างสถาบัน ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่
////////////
