เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่วัดเขาบางทราย พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ชลบุรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงแรงงานประจำปี 2564 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระทรวงแรงงานรับพระราชทานผ้าพระกฐินในครั้งนี้ โดยมีข้าราชการกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี และใกล้เคียงมาร่วมงานกันอย่างมากมาย นอกจากยังได้มีการเปิดโรงทานเพื่อบริจาคอาหารให้กับผู้ยากไร้ และประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ขาดแคลนอาหารการกิน
หลังจากนั้นนายสุชาติกล่าวถึงสถานการณ์แรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย ภายหลังจากการเปิดประเทศว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภายในประเทศ โดยมีการทำ MOU เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ที่ผ่านมา MOU ได้พิจารณาไปแล้ว 2 เดือน แต่ไม่สามารถประกาศได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ระบาดวันละไม่น้อยกว่า 2-3 หมื่นคน เกรงว่าประชาชนจะเกิดความวิตกกังวล
นายสุชาติกล่าวว่า พอเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน จึงได้ดำเนินการเสนอเข้าสู่ ศบค.ให้มีการพิจารณา ขณะนี้กำลังพิจารณาในเรื่องความต้องการแรงงานมีมากน้อยเพียงใด เพื่อส่งไปยังต่างประเทศที่ต้องการส่งแรงงานมาทำงานในประเทศไทย ซึ่งจะต้องทำวีซ่าเข้าประเทศ ในช่วงปี 2563 ได้มีการหยุดการนำเข้าแรงงานต่างด้าว เนื่องจากไวรัสโควิด-19 เข้าประเทศไทย หากมีการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาก็จะเกิดการแพร่ระบาดเหมือนกับ จ.สมุทรสาคร
“ซึ่งในจุดนี้ได้เกิดปัญหาการลับลอบแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศไทย จึงได้นำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ไม่มีการจับกุมเพราะจะทำให้แรงงานแตกตื่นเหมือนผึ้งแตกรัง ซึ่งเดือนเมษายน 2564 ได้มีแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนไปประมาณ 5 แสนคน ความจริงแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยน่าจะเพียงพอแล้ว ปรากฏว่าเดือนเมษายนเดียวกัน เกิดการระบาดไวรัสโควิด-19 ในกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่อีก จนมีการติดเชื้อจนกระทั่งหาที่รักษาไม่พอ” นายสุชาติกล่าวและว่า ช่วงนี้คงไม่มีใครมานั่งคิดถึงเรื่องการทำ MOU เพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าว แต่มาคิดในเรื่องทำอย่างไรทำให้คนไทยปลอดภัยจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
นายสุชาติกล่าวอีกว่า เมื่อมีการเปิดประเทศทุกอย่างจึงเป็นการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ขณะนี้ประสานงานไปยังสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรณีที่มีการนำเข้าแรงงานต่างด้าว และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้นถือว่าเหมาะสมแล้ว หากมีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาถือว่าไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป ฉะนั้นจึงต้องเข้า MOU ให้ถูกต้อง ส่วนใครที่มีต่างด้าวผิดกฎหมายอยู่ในมือ จึงอนุโลมให้สามารถนำแรงงานต่างด้าวมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ หากไม่พอค่อยนำเข้าผ่าน MOU ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องการแรงงานต่างด้าวทั้งหมดทั่วประเทศดำเนินการได้ รวมทั้งพื้นที่ อีอีซี.ด้วยเช่นกัน ส่วนแรงงานต่างด้าวที่เคยทำงานในประเทศไทย และเดินกลับประเทศช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และประสงค์ที่จะกลับมาทำงานในประเทศไทย จะต้องผ่านขั้นตอนของ MOU ทั้งหมด เพราะด่านปิดจะต้องเจรจาระหว่างประเทศ ก่อนที่จะนำแรงงานเข้าประเทศไทย
วิศาล แสงเจริญ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS จังหวัดชลบุรี