นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ว่า ภาพรวมตอนนี้เราฉีดวัคซีนกันทั่วประเทศแล้วประมาณ 80 ล้านโดส เรามีเป้าหมายไว้ 100 ล้านโดส ซึ่งตอนนี้เราได้ฉีดเข็ม 2 เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราฉีดได้ 100 ล้านโดส เมื่อไหร่ประเทศไทยเราก็จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ เรื่องโควิดก็จะเบาลง และถึงติดก็สามารถรักษาหายได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีการค้นพบยารุ่นใหม่ที่รักษาและป้องกันโควิด-19 ได้แล้ว ซึ่งต้องขอบคุณเทศบาลนครนครราชสีมา มีการจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม 22,000 โดส สามารถฉีดให้ประชาชนได้ 1,100 คน ทำให้ประชาชนในเขตเทศบาลฯ เราสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มเปิดประเทศแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเราได้กลับมานับ 1 กันใหม่ ผู้ประกอบการได้เริ่มกลับมาเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาวโอท็อปก็เป็นการฟื้นตัว และทำให้พี่น้องประชาชนเบาใจ จากการเปิดประเทศ
“ผมคิดว่าเป็นทิศทางที่ถูกต้องที่เราได้เริ่มเปิดประเทศ แต่ตอนนี้ก็ต้องคอยติดตามดูว่าผลกระทบจากโควิด-19เป็นอย่างไร ผลกระทบทางเศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่ จะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมแก้ไขปรับปรุงอะไรบ้างก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการกัน” สุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมพัฒนาสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล ที่สโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค วันที่ 26 พ.ย. 2564 ว่า การมาพบกันของพรรคร่วมรัฐบาลจะมีผลดีกับเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะเรื่องเสียงในรัฐสภามีความสำคัญเป็นอันมาก วันนี้รัฐบาลเหลือเวลาทำงานอีกปีกว่า ๆ เป็นการทำงานบนวิกฤติของประเทศที่พี่น้องในประเทศฝากความหวัง วิกฤติโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจ น้ำท่วม ซึ่งเป็นวิกฤติที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และการเจริญเติบโตของประเทศ รัฐบาลต้องทำงานอย่างหนัก แต่ถ้ารัฐบาลขาดเสถียรภาพ กลไกต่าง ๆ ก็ไม่สนับสนุนให้ไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งการทำงานในรัฐสภาเป็นการทำงานอีกอย่างที่ต้องดูแลด้วยนอกจากเรื่องบริหาร เพราะในสภาเป็นเรื่องของการผ่านกฎหมาย การชี้แจงเรื่องญัตติ เรื่องกระทู้ เรื่องการตอบข้อคิดเห็นต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง หรือกลไกกฎหมายที่จะไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ถ้ารัฐสภาไม่มีเสถียรภาพหรือการประชุมสภายังมีปัญหาอยู่ ก็จะทำให้การบริหารทำงานไม่ราบรื่น ในวิกฤติบ้านเมืองที่เหลือ 1 ปี เสถียรภาพรัฐบาล มีความสำคัญ ที่จะทำให้รัฐบาลไปสู่เป้าหมาย ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติให้มากที่สุด ดังนั้นการที่พรรครัฐบาลจะได้พูดคุยกัน การเจอกันในงานเลี้ยงต่าง ๆ จะทำให้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจกัน ซึ่งได้รับไอเดียที่ดีเพราะทุกคนก็ได้รับการเลือกตั้ง เป็นส.ส.ทุกคนอยู่ที่พื้นที่และพบพี่น้องประชาชน ทำให้รู้ว่าพี่น้องประชาชนต้องการอะไร มีปัญหาอะไร หรือแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ได้มีพบปะ มาพูดคุยหรือมีการเสนอ หรือใครมีไอเดียดี ๆ ที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของรัฐบาลดีขึ้น ก็เป็นประโยชน์และก่อให้เกิดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นสิ่งที่ดี”
“การเมืองสมัยก่อนจะเจอกันบ่อยมาก เพราะเรามีพรรคร่วมหลายพรรค และเราก็จะมีประเพณีหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ เจอกันบ่อย ฉะนั้น เสถียรภาพในการเมืองรุ่นก่อน ๆ จะมีความใกล้ชิดกันพอสมควร จะไม่ค่อยมีปัญหาฉะนั้น ถ้ามีการจัดและเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาพบปะพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าเราจะทำอะไรให้บ้านเมือง ประชาชนเดือดร้อนอะไร พวกเราจะมีความร่วมมือกันอย่างไร หรือการสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐบาล เพราะทุกวันของรัฐบาลมีคุณค่ากับประชาชนมาก” นายสุวัจน์ กล่าว
