No data was found

วัดไผ่ล้อม จัดยิ่งใหญ่ทำบุญบรมครู 109 ปีชาตกาลหลวงพ่อพูล 11 เดือน 11

กดติดตาม TOP NEWS

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จัดพิธีบูชาครู หลวงพ่อพูล 109 ปี ชาตกาล หลังสร้างวิหารเสร็จสิ้น โดยถือเป็นวันมงคล เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อพูล ซึ่งปีนี้ปรากฏสรีระสังขารปรากฏเป็นสีทองทั้งร่าง ส่วนคอหวยตามหาเลขเด็ด หลังงวดที่ผ่านมาปรากฏเลข 59 เป็นเลขยอดกฐินวัดไผ่ล้อมเมื่องวดที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคำ่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ที่วิหารหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้จัดพิธีทำบุญบูชาครู หลวงพ่อพูล 109 ปี ชาตกาล โดยนิมนต์ พระสงฆ์ 100 รูปจากวัดต่างๆ ในจังหวัดนครปฐม ประกอบด้วยคณะสงฆ์วัดพระปฐมเจดีย์  วัดหนองกระโดน วัดห้วยจรเข้ วัดเกาะวังไทร วัดพระงาม และวัดไผ่ล้อม และพระเถรเกจิอาจารย์ รวม 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันเกิด พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อัตตรักโข อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เกจิที่เป็นอมกาลของจังหวัดนครปฐม

โดย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้จัดพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์ 109 รูป หน้าประติมากรรมหลวงพ่อพูลอุ้มโลงแก้ว นั่งบนหนุมาน ขนาดความสูง 5 เมตร หน้าตัก 3 เมตร ซึ่งเป็นพุทธศิลป์ หนึ่งในเดียวในโลก ที่มีความวิจิตรตระการตา โดยมีลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมภายในงานโดยมีการจัดระเบียบให้มีระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมื่อเสร็จพิธีทางพุทธ ได้จัดให้มีพิธีการทางพราหมณ์ โดยเป็นการบวงสรวงเทพยาดา เพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับผู้มาร่วมงาน โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นพิธีการ

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า การจัดพิธีทำบุญบูชาครู หลวงพ่อพูล 109 ปี ชาตกาล เป็นเหมือนการน้อมลำลึกถึงครูบาอาจารย์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อพูล ซึ่งหากท่านอยู่จนถึงวันนี้จะมีอายุ 109 ปี ซึ่งวิหารหลวงพ่อพูลซึ่งเสร็จล่าสุด โดยเป็นสถานที่เดิมที่ตั้งกุฎิของท่าน โดยสิ่งที่หลวงพ่อพูลทิ้งไว้ให้คือ มรดกธรรม คือคำสั่งสอนและวิชาต่างๆ ที่ได้มอบไว้ให้กับลูกศิษย์ลูกหา และปีนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่ สังขารของท่าน ได้ประกายสีออกเป็นสีทองทั้งร่าง ซึ่งตั้งแต่ท่านมรณะภาพที่สังขารเริ่มเปลี่ยนสีเรื่อยมาจนถึงวันนี้เป็นทองอร่าม

“อาตมาจัดสร้างวิหารและประติมากรรม หนึ่งเดียวในโลกขึ้นมาเพราะเน้นหลักคำว่ากตัญญูรู้คุณ หลวงพ่อพูลท่านได้มอบหมายให้อาตมา มาพัฒนาวัดไผ่ล้อมต่อจากท่าน ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปี อาตมาก็สานต่อเจตนารมด้วยความตั้งใจ หากเปรียบประติมากรรมที่ตั้งอยู่ในวิหาร หลวงพ่อพูลท่านนั่งอุ้มโลงตัวเอง โดยทับอยู่ที่หนุมาน ซึ่งหนุมานเปรียบคืออาตมาที่เน้นความกตัญญูรู้คุณ ซึ่งหลวงพ่อพูล ท่านบอกอาตมาว่าจะละสังขารในวันวิสาขบูชา อาตมาไม่เคยเชื่อกระทั่งถึงวันที่ท่านละสังขารก็เป็นจริง และมาพบปาฎิหาริย์เมื่อสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย นี่คือความศักดิ์สิทธิที่อาตมาประสบกับตัวเอง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ นอกจากลูกศิษย์ลูกหา ที่มาร่วมงาน ยังได้นำเลขต่างๆ มาตีเป็นเลขเด็ด ทั้งวันเกิดของหลวงพ่อพูล คือวันที่ 11 เดือน 11 ปี พ.ศ. 2455 ละสังขารเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2548 เวลา 14.55 น. ขณะมีอายุ 93 ปี หากอยู่จนถึงวันนี้จะมีอายุครบ 109 ปีเต็ม และมีเลขที่จุดธูป ในหน้าพิธีปรากฏเลข 930 ซึ่งคอหวย ได้นำเลขดังกล่าวเตรียมไว้สำหรับการออกสลากงวดต่อไป เนื่องจากมีคอหวยหลายคนได้เฮเนื่องจากเมื่องวดก่อน ยอดเลขกฐินของวัดไผ่ล้อม ได้ออกเลขท้าย 59 มาแล้ว รอบนี้เซียนหวยจึงได้มีการจับตาหาเลขเด็ดจากวัดไผ่ล้อมเพื่อพิชิตกองสบากอีกงวดหนึ่งด้วย

สำหรับ หลวงพ่อพูล กำเนิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2455 ปีชวด ที่บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 3 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรคนที่ 6 จากพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อ นายจู มารดาชื่อนางสำเนียง นามสกุลปิ่นทอง ในวัยศึกษา ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดห้วยจระเข้ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 เมื่อปีพ.ศ.2471

ครูจันทร์ หัวหน้าคณะลิเกคณะแสงทอง ในสมัยนั้น ได้เห็นหน่วยก้านดีจึงได้มาขอนายจูบิดาให้เด็กชายเริ่มมาฝึกฝนวิชาลิเก และแสดงให้เห้นถึงความสามารถเพราะเป็นคนมีความจำดีเยี่ยม แต่ก็ได้มาฝึกวิชาในเวลาไม่นานก็มาพบว่าชอบที่จะเรียนรู้วิชาการต่อสู้แบบลูกผู้ชายและไปฝึกซ้อมเป็นนักมวยไทยจนกลายมาเป็นนักมวยที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง ในจังหวัดนครปฐมในช่วงนั้น

 

เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว นายพูลก็ได้จุดประกายใคร่เรียนรู้ ในการเขียนอักขระภาษาขอมและวิชาการแพทย์แผนโบราณ จึงได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่แย้ม ปิ่นทอง ผู้เป็นปู่ซึ่งได้รับวิชาจากหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง และหลวงปู่กลั่น วัดพระประโทนเจดีย์ ซึ่งล้วนเป็นอดีตพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองนครปฐม ซึ่งหลวงปู่แย้มยังมีเพื่อนรักอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน นั่นคือ นายพรม ด้วงพลู หรือ พ่อพรม จอมขมังเวทย์ แห่งดอนยายหอม ผู้ที่เป็นบิดาของหลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอม นายพูลจึงได้รับการฝึกฝนวิชาต่างๆมาจากครูบาอาจารย์หลายท่าน

ในปี พ.ศ.2477 นายพูล อายุครบสู่วัยเกณฑ์ทหาร จึงสมัครเข้ารับราชการในสังกัดทหารม้ารักษาพระองค์ ทันทีที่เสร็จสิ้นเรื่องการรับใช้ชาติ ท่านได้เข้าบรรพชาอุปสมบททดแทนคุณบุพการี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2480 ขึ้น 12 ค่ำ ปีฉลู ณ พัทธมีมา วัดพระงาม ได้รับฉายา อัตตะรักโข หมายความว่า ผู้รักษาตน ซึ่งท่านได้ไปเข้าฝากตัวเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อพร้อม แห่งวัดพระงาม ซึ่งเลื่องชื่อในการสร้างพระปิดตาเนื้อทองผสม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่อง คือ พระปิดตา วัดพระงาม และท่านยังได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ซึ่งได้เรียนรู้และศึกษาทางธรรมจนมีจิตใจที่นิ่งสงบ

ต่อมาในปี พ.ศ.2490 วัดไผ่ล้อมได้ ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงที่พระองค์ทรงเกณฑ์ชาวมอญมาเป็นแรงงานในการบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ และมีสถานที่เงียบสงบในการปฏิบัติธรรม จึงได้จัดให้เป็นธรณีสงฆ์ในและมาเป็นวัดไผ่ล้อม ได้ขาดเจ้าอาวาส หลวงพ่อเงิน ท่านได้บอกกับชาวบ้านว่ามีพระอาจารย์รูปหนึ่ง มีการปฏิบัติที่งดงามจำพรรษาอยู่ที่วัดพระงาม ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันไปกราบนมัสกาลอาราธนาพระอาจารย์พูล ให้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดไผ่ล้อม พร้อมกับให้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม โดยมีหลวงพ่อเงินคอยเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำให้การช่วยเหลือ ประสิทธิประสาทวิชาให้จนครบถ้วน หลวงพ่อพูลจึงถือได้ว่าเป็นศิษย์สายตรงของหลวงพ่อเงิน ที่ท่านรักและเมตตาเป็นอย่างยิ่ง

กระทั่งวันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2548 เวลา 14.55 น. หลวงพ่อพูลได้ละสังขารอย่างสงบ ขณะอายุ 93 ปี ซึ่งเป็นเกิดปรากฏการณ์ 3 มงคล คือตรงกับวันวิสาขบูชาพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์และเป็นวันที่ท่านละสังขาร ซึ่งหลังจากมีการจัดพิธีการทางศาสนาได้ครบ 100 วัน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ได้มีการเปิดโลงหีบทอง และเกิดเรื่องอัศจรรย์เมื่อพบว่า ร่างสังขารของหลวงพ่อพูล ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ใบหน้าผิวพรรณของท่านยังเหมือนปกติไม่เน่าเปื่อย หลวงพี่น้ำฝนจึงได้อัญเชิญสังขารของหลวงพ่อพูลบรรจุไว้ในโลงแก้ว ซึ่งทำให้ศิษยานุศิษย์และประชาชนได้กราบไหว้บูชาด้วยความอัศจรรย์จนจวบถึงทุกวันนี้ นับเวลามาถึงตอนนี้ เป็นเวลา 16 ปีเต็ม

ปนิทัศน์ มามีสุข/ ปณิดา มามีสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครปฐม

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตัวประกันในเงื้อมมือฮามาส เจรจากันถึงไหนแล้ว
“พาณิชย์” ลุยต่อ จัดธงฟ้าราคาประหยัด ลดภาระค่าครองชีพพี่น้องประชาชน จ.นครพนม
แล้งจัด ชุมชนโบราณ 300 ปีโผล่กลางเขื่อนฟิลิปปินส์
หลุดโผ!ปรับครม.เศรษฐา 2 ปลอบใจ "เจ๊แจ๋น" หาเก้าอี้ใหม่รองก้น "กุนซือนายกฯ"
"คณะก้าวหน้า" ไม่แยแสกฎเหล็ก "กกต." เดินหน้ารณรงค์หาแนวร่วมลงสมัครส.ว.ทำเป็นฟุ้งคงกลัว "ส.ว.ส้ม" พาเหรดเข้าสภาสูง
"ปคบ." ยันฟ้องศาลทุกคดี "นอท" เฉพาะค่าปรับเกือบ 2 ล้านไม่เข็ด ซิกแซกเปลี่ยนชื่อ "ลอตเตอรี่พลัส"ขายออนไลน์เร่งสอบเอาผิดเพิ่ม
สอบสวนกลาง รวบแก๊ง “ซ้อส้ม” ทวงหนี้เงินกู้โหดรุมซ้อมผู้เสียหายปางตาย
“สุริยะ” กดปุ่มเดินเครื่องหัวเจาะ “รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้” เริ่มทะลวงอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้า ยันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีแน่
ไม่รอด "ศาลฯนครโฮจิมินห์" สั่งคุก "เจ้าสัว" ธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ในเวียดนาม-ร่วมมือกับลูกฉ้อโกงพันล้าน
ทนาย 3 นิ้วเล่นตลก ขอศาลเรียก “จัสติน บีเบอร์” เป็นพยานแก๊ง 3 นิ้ว “เจ๊จุก” เย้ยไม่แปลกใจ ทำไมหัวโจกทยอยเข้าคุก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น