จากกรณีที่นายณฐพร โตประยูร ในฐานะผู้ยื่นคำร้องต่อ 3 แกนนำราษฎรข้อกล่าวหา ล้มล้างการปกครองฯ ได้กล่าวภายหลังการอ่านคำวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า กระบวนการหลังจากนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอัยการที่จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปดำเนินคดีอาญา โดยหลังมีคำตัดสินชี้ขาดมาส่วนตัวไม่ได้สบายใจหรือสุขใจ เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ในประเทศไทย และไม่ต้องการให้มีกระบวนการที่อยู่เบื้องหลังการล้มล้างทำลายสถาบัน ทั้งนี้ มั่นใจต่อคำร้องเนื่องจากมีพยานหลักฐาน ปัจจุบันมีกระบวนการชักศึกเข้าบ้าน นำองค์กรต่างชาติเข้ามาดำเนินการกับประเทศไทย อยากถามว่า การลบล้างสถาบันประชาชนได้อะไร หากเป็นการดำเนินการเพื่อปัญหาปากท้องของประชาชน จะเกิดประโยชน์กว่า ส่วนตัวอยากให้แก้ไขปัญหาเรื่องสัญญาณดาวเทียม น้ำมัน จะดีกว่า
นายณฐพร กล่าวว่า ข้อเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของฝ่ายการเมือง ยืนยันว่า จากคำวินิจฉัยจะทำให้คำร้องเอาผิดและยุบพรรคก้าวไกลดำเนินการได้ หลังตนได้ยื่นคำร้องกับ กกต.ไว้ตาม มาตรา 92 เชื่อว่า กกต.จะขอคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัย ไปดำเนินการเนื่องจากพรรคการเมือง และส.ส.ของพรรคดังกล่าวให้การสนับสนุนทางการเงิน และการประกันตัวผู้ต้องหา รวมถึงอ้างว่ามีการไปร่วมชุมนุม ถือเป็นความผิด เชื่อมั่นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะเป็นสารตั้งต้นในการฟ้องร้องเอาผิดต่อผู้กระทำการละเมิดต่อสถาบัน
ต่อมานายณฐพร โตประยูร ได้ออกมาแฉผ่านรายการ TOP NEWS TALK ทางช่อง TOP NEWS โดยในช่วงหนึ่งของรายการนายณฐพร บอกว่าเส้นทางการเงินของคนพวกนี้มีหลายร้อยล้าน โดยเฉพาะเงินต่างประเทศมีเยอะมาก จริงๆคนพวกนี้สมควรเป็นกบฏมากกว่า พร้อมบอกอีกว่าเงินที่ได้มาจากต่างประเทศ มาในนามของมูลนิธิต่างๆ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ พอได้เงินมาก็มาจ้าง แม้กระทั่งของ iLaw ก็ได้เงินมา ยกตัวอย่างคนพวกนี้โดนจับ ยังไม่ทันส่งตัว พวกนั้นก็มานั่งรอแล้ว และทางเรามีข้อมูลว่าเงินที่เอามาใช้ ก็ได้เงินมาจากหลายๆกลุ่ม และยังบอกอีกว่ารู้เส้นทางการเงินทั้งหมด ขณะนี้ได้ตั้งทีมให้ตำรวจดำเนินคดีอั้งยี่ ซ่องโจร เข้าความผิดมูลฐาน พร้อมย้ำด้วยว่าข้อมูลทั้งหมดเรามีหมดแล้ว
โดย ก่อนหน้านั้น นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingcheep Atchanont ความตอนหนึ่งระบุว่า งานของไอลอว์อยู่ได้ด้วยเงินทุนจากต่างประเทศมาตลอด 12 ปีขององค์กร ถ้าหากว่า เมื่อไรมีแหล่งทุนสัญชาติไทยเปิดและแจกเงินทุนให้ทำงาน “ตรวจสอบรัฐ” ก็จะไปขอ แต่ดันไม่มี มีแต่แหล่งทุนเปิดให้ทำงานอวยรัฐ ปัจจุบันเราใช้แหล่งทุน 5 แหล่ง คือ OSF NED AJWS FGHR และ HBS หลักการพื้นฐาน คือ เราเป็นคนเขียน Proposal และเป็นคนคิดว่า ปีนี้เราจะทำอะไรบ้างแล้วยื่นขอไป ไม่ใช่ให้แหล่งทุนมากำหนดว่าต้องทำอะไร ถ้าใครแทรกแซงจะไม่ทำงานด้วย แล้วเงินทั้งหมดที่ใช้มีใบเสร็จ มีรายงาน ตรวจสอบได้ มีเจ้าหน้าที่ประจำ 12 คน อาสาสมัครนับไม่ถ้วน ปีหนึ่งๆ ใช้เงินสามล้านกว่าๆ คิดดูว่า เป็นการใช้ฟุ่มเฟือยไหม เงินจะตกถึงท้องแต่ละวันเท่าไร
จากประสบการณ์ 11 ปีในวงการ เมื่อเอ็นจีโอไหนประสบความสำเร็จในการทำงาน สั่นสะเทือนการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จของรัฐบาลได้ รัฐบาลของประเทศนั้นๆ ไม่มี “เหตุผล” อะไรจะมาสู้ ก็จะเอาข้อหา “รับเงินต่างชาติ” มาใช้ตลอด เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในสนามเหตุผล ก็โดนเป็นเช่นนี้เองเป็นการทั่วไป เสมอมา อย่าไปเดือดร้อนอะไร”
ขณะที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ iLaw โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีการรับเงินสนับสนุนจากองค์กรต่างประเทศว่า ไอลอว์ก่อตั้งเมื่อปี 2552 เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งทำงานกับภาคประชาสังคมและคนทั่วไปในสังคม มีเป้าหมายเพื่อไปให้ถึง หลักการประชาธิปไตย, เสรีภาพในการแสดงออก สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และระบบยุติธรรมไทยที่เป็นธรรมและตรวจสอบได้กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ระหว่างปี 2552 ถึง 2557 iLaw รับการสนับสนุนทุนจากองค์กรต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. Open Society Foundation (OSF)
2. Heinrich Böll Stiftung (HBF)
3. National Endowment for Democracy (NED)
4. Fund for Global Human Rights (FGHR)
5. American Jewish World Service (AJWS)
6. ได้รับเงินสนับสนุนเป็นรายครั้งจากบริษัท Google และผู้สนับสนุนอิสระ
และ ในปี 2564 iLaw ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากสถานทูต Switzerland
หลักการทำงานกับแหล่งทุน คือ เราจะพิจารณาแหล่งทุนที่มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกันกับเป้าหมายขององค์กร ไม่ได้จำกัดว่าต้องมาจากประเทศใด ถ้ามีแหล่งทุนในประเทศที่วัตถุประสงค์ตรงกันก็จะทำงานด้วยเช่นกัน โดยเราเป็นผู้ร่างโครงการที่ต้องการทำงานในแต่ละปี กิจกรรมทั้งหมดเราเป็นผู้ริเริ่มเสนอ และเป็นผู้ออกแบบ กิจกรรมที่ทำไม่มีผลต่อปริมาณเงินที่ได้รับ และแหล่งทุนไม่มีส่วนในการกำหนดรูปแบบและวัตถุประสงค์ของกิจกรรม
ข้อมูลทั้งหมดนี้อยู่บนเว็บไซต์ของเรามาตั้งแต่ก่อตั้ง และเว็บไซต์ของผู้ให้ทุนทุกแห่ง โดยหลักการเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำโดยปิดลับและไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เป็นเช่นเดียวกับการทำงานขององค์กรพัฒนาเอกชนอื่นๆ ในประเทศไทยและทั่วโลก
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ Open Society Foundation (OSF) นั้น เป็นมูลนิธิที่ก่อตั้งโดยนายจอร์จ โซรอส นักธุรกิจการเงินระดับโลกซึ่งเคยทำการโจมตีค่าเงินบาทของไทยเมื่อปี 2540 โดยอ้างวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนด้านเงินทุนภาคประชาชนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่เคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรม การศึกษา สาธารณสุขและสื่ออิสระ
รายการ TOP NEWS TALK ฉบับเต็ม