ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ระหว่างรอจำนวนองค์ประชุมให้ครบ นายศุภชัย ได้เปิดโอกาสให้ส.ส.หารือก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สภาฯเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
ทั้งนี้มีช่วงหนึ่ง นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นสอบถามนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย และพรรคประชาชาติ ได้ยื่นหนังสือโดยมีรายชื่อส.ส. 1 ใน 10 และประสานงานให้นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ รับเรื่อง เพื่อที่ประธานสภาฯ จะได้ส่งหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กรณีต้องด้วยมาตรา 82 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 แต่ปรากฎว่าหลังยื่นเรื่องเสร็จ นายสมบูรณ์ก็ได้นำข้าราชการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย มาร่วมแถลงข่าวตอบโต้การยื่นเอกสารของเราว่าเป็นการยื่นผิดช่องทาง สร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม ในอดีตที่ผ่านมา ส.ส.ได้ใช้สิทธิรูปแบบเดียวกันผ่านประธานสภาฯ ให้วินิจฉัยนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นส.ส. ครั้งนี้รัฐมนตรีที่เรายื่นคือนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ก็ไม่ได้เป็นส.ส. ซึ่งพฤติกรรมวันนั้นทำให้เราเห็นว่านายสมบูรณ์ใช้ถ้อยคำบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เช่น กล่าวหาว่าเราใช้ช่องทางผิด และบอกว่ารับโดยมารยาท จึงขอสอบถามไปยังประธานสภาฯ ว่าตกลงแล้วรับเอกสารของเราแล้วหรือไม่ และหวังว่าประธานสภาฯ จะได้ทำหน้าที่ของท่าน แม้ว่ารัฐมนตรีจะสังกัดพรรคของท่าน
“วันที่ยื่นเรื่องพวกเราเดินหนี เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมของนายสมบูรณ์ และขอว่าอย่าไปตำหนินายสมบูรณ์ ซึ่งข้าราชการเองก็ยอมรับด้วยว่าให้ความเห็นข้อกฎหมายผิด” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
ด้านนายศุภชัย ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมชี้แจงว่า ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กลุ่มงานประสานงานการเมืองว่ากำลังทำเรื่องเสนอให้ประธานสภาฯ ลงนามเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ขอให้สบายใจได้
ต่อมาเวลา 10.45 น. ที่ประชุมเริ่มพิจารณาร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา ฉบับที่….พ.ศ…… ในวาระ 2 – 3 ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จ ที่มีปัญหาตกค้างมาจากการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการลงมติโหวตมาตรา 6 เนื่องจากส.ส.ไม่อยู่ในห้องประชุม จนต้องชิงปิดประชุมสภาฯ เพื่อป้องกันปัญหาองค์ประชุมล่ม ซึ่งทันทีที่เริ่มประชุมเป็นการโหวตลงมติมาตรา 6 ก็เกิดปัญหาซ้ำรอยทันที เนื่องจากส.ส.อยู่ในห้องประชุมค่อนข้างบางตา ส.ส.หลายคนติดประชุมกมธ. และอยู่นอกห้องประชุมจำนวนมาก ทำให้นายศุภชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ต้องกดออดเรียกอยู่หลายครั้ง พร้อมกับเรียกให้ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุมกมธ.ต่างๆ และอยู่ภายนอกห้องประชุมให้รีบเข้ามาโหวต โดยมีส.ส.หลายคนวิ่งกระหืดกระหอบทยอยเข้ามาในห้องประชุมต่อเนื่อง ใช้เวลารอส.ส.อยู่เกือบ 10 นาที ส.ส.จึงเข้ามาอยู่ในห้องประชุมจนครบองค์ประชุม โดยมีองค์ประชุมกดบัตรแสดงตน 271 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง 238 เสียง มา 33 เสียง จากจำนวนส.ส.ทั้งหมด 475 คน ก่อนที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 6