เพื่อไทย…หางโผล่ รับลูกคณะราษฎร แก้กฎหมายช่วยพวกล้มเจ้า

ตั้งใจแก้จริงหรือชิงฐานมวลชนจากก้าวไกล หวังโกยคะแนนจากคนรุ่นใหม่หาเสียงจากพวกหัวก้าวหน้า ให้ชัยเกษมออกจดหมายเปิดผนึก เตรียมผลักดันแก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 -116 ในสภา รวมไปถึงพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ทำให้คนไม่ได้รับความยุติธรรม ขู่ไล่ตรวจสอบการทำงาน ตำรวจ อัยการ ศาล และ ราชทัณฑ์ ทำตามกฎหมายหรือไม่

จากกรณีม็อบคณะราษฎร จัดการชุมนุมใหญ่ ณ สี่แยกราษฎรประสงค์ ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ตั้งธงยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 โดยแกนนำสามกีบได้สลับกันขึ้นปราศัยบนเวทีเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตนักโทษ ม. 112 ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวอานนท์ นำภา (ทนายอานนท์) , พริษฐ์ ชิวารักษ์ ( เพนกวิน) และนักกิจกรรมคนอื่นๆ พร้อมประกาศจะเดินหน้าล่ารายชื่อประชาชนเพื่อยกเลิก ม.112 ให้ได้ครบจำนวน 1 ล้านรายชื่อ ก่อนจะอ่านแถลงการณ์ยกเลิก ม.112 ที่เขียนโดยเพนกวินซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำขณะนี้ ยกตัวอย่างพวกสามกีบที่ถูกลงโทษด้วยกฎหมาย ม. 112

” เมื่อปี 2517 มีคนถูกจับด้วย ม.112 เพียงเพราะแต่งกลอน ปี 2564 มีคนถูกจับด้วย ม.112 เพียงเพราะโพสต์ข้อความว่ากล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ การดำเนินคดีที่ได้ยกตัวอย่างมานั้นแสดงถึงการไร้แก่นสารของ ม.112 บางคนถูกลงโทษเพียงเพราะวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยววัคซีนโควิด บางคนถูกลงโทษเพียงเพราะตั้งคำถามบทบาทของสถาบันกษัตริย์ บางคนถูกลงโทษตั้งคำถามถึงประวัติศาสตร์ความรุนแรงโดยรัฐ 6 ตุลา 19 พฤษภา 35 บางคนถูกลงโทษเพราะตั้งคำถามว่าพระนเรศวรทำยุทธหัตถีจริงหรือเปล่า เพียงเพราะชี้นิ้วขึ้นฟ้าหรือใส่เสื้อครอปท็อบ …..การยกเลิก ม.112 เป็นการปลดปล่อยประชาชนออกจาพันธนาการ” สมยศระบุ

ฝ่ายปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขึ้นเวทีเพื่ออ่านแถลงการณ์ของราษฎรประสงค์ โดยได้เชิญแกนนำจากกลุ่มต่างๆ อาทิ iLaw, เฟมินิสต์ปลดแอก, ทะลุฟ้า และกลุ่มอื่นๆ ในเครือข่าย ในนามคณะราษฎรรณรงค์ยกเลิก 112 (ครย.) โดยย้ำจุดยืนเดิมคือ 1.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ และครม.ลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ” ปัจจุบันมีประชาชนถูกดำเนินคดีใน ม.112 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึง 160 คดี เช่น เพนกวิน ที่ถูกดำเนินคดีถึง 21 คดี และยังถูกคุมขังอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เห็นได้ว่ากฎหมาย ม.112 นั้นล้าหลัง และเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของอภิสิทธิ์ชน” หลังจากนั้นก็เล่นใหญ่ลงทุนกรีดแขนตัวเองเป็นตัวเลข “112” และขีดฆ่าตัวเลข 112 เพื่อแสดงว่าไม่ยอมรับการใช้กฎหมายมาตรานี้ พร้อมชู 3 นิ้วและกล่าวว่า ” ศักดินาจงพินาจ ประชาราษฎร์จงเจริญ” จากนั้นในช่วงเช้า 1 พ.ย. รุ้งและพรรคพวกได้เดินทางไปศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำรายชื่อ 28,426 คน ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการต่อไป

ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่กลุ่มสามกีบพวกล้มเจ้าจัดเวทีขึ้นมากระทุ้งเรื่องนี้อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ประเด็นเรื่องแก้กฎหมายด่าเจ้ายกเลิกกฎหมายล้มเจ้า ปลุกไม่ขึ้นเงียบหายไปพักนึงเพราะคนไทยไม่เอาไม่เล่นด้วย หนำซ้ำยังเจอช่วงโควิด-19 ระบาด ประเด็นธงที่ว่าเลยหายเข้ากลีบเมฆ เที่ยวนี้พอเห็นจังหวะเหมาะหลังม็อบเผาเมืองจุดไม่ขึ้นคนไทยไม่เอาด้วย แถมยังถูกชาวบ้านด่าระงมเพราะสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แรกเริ่มตั้งเป้าว่าจะได้แนวร่วมปลายทางดันกลายเป็นถูกคนด่า ล่าสุดสามกีบเลยรีบถอนสมอกลับมาจุดไฟเรื่องแก้กฎหมายอาญา ม.112 และ ม.116 อีกครั้ง

ขณะที่กลุ่มก๊วนเดียวกันอย่างคณะก้าวหน้าก็รับลูกทวิตข้อความในโลกออนไลน์ทันที ” หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย ทางเดียวที่จะรักษาสถาบันกษัตริย์เอาไว้ ไม่ใช่การจับประชาชนขังคุก แต่คือการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ให้ประชาชนได้ถกเถียง-ออกแบบอนาคตที่ทุกคนทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ” ทวีตเตอร์หัวขบวนพรรคส้มหวานระบุ ขณะที่สัปดาห์ก่อนรังสิมันต์ โรม ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้ออกมารับหนังสือจากกลุ่มทะลุฟ้าที่ออกมาเรียกร้องให้ กมธ.เข้าไปดูการดำเนินคดี ม.112 อย่างไร้มาตรฐาน ตั้งแต่ต้นทางจากตำรวจ อัยการ ไปจนถึงศาล

แต่ที่ทำให้แปลกใจคือพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้สงวนท่าทีไม่แตะหมวดสถาบันไม่ยุ่งกับเรื่องเจ้ามาพักใหญ่ ก่อนหน้านี้ช่วงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคก้าวไกลเตรียมจะยื่นแก้หมวด 1 และ 2 ด้วย แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอาไม่เห็นด้วยกับการไปยุ่งกับหมวดสถาบันเดินคนละทางมารอบนึงแล้ว แต่ล่าสุดดูเหมือน “ธง” เปลี่ยน “สัญญาณ” ที่ส่งออกมาจากพรรคแดงจึงต่างออกไป เพราะหลังการชุมนุมจบสิ้นไม่นาน เพจพรรคเพื่อไทยก็เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกของ ชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ยืนยันเจตนารมณ์พรรคเพื่อไทย พร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมายอาญา ม. 112 และ ม. 116 เข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา ใจความสรุปว่า

” ปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 ม. 116 พ.ร.บ.การกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรม…. พรรคเพื่อไทยพร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์ ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ดุลยพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย”

เช่นเดียวกันกับเพจของกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย ที่มีแกนนำอย่าง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี , ภูมิธรรม เวชยชัย , นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ฯลฯ ก็ออกมาผสมโรงหนุนการแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 และ ม.116 แบบเอิกเริกในเวลาไล่เลียใกล้เคียงกัน ตั้งหัวเรียกคะแนนปลดล็อก “มหาวิกฤตศรัทธา-ความยุติธรรม” โปรยเนื้อกล่าวหารัฐบาลปัจจุบันใช้กำลังและกระบวนการทางกฎหมาย เกินขอบเขต ไร้ความเป็นธรรม จับกุมประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก เพียงแค่เห็นต่างทางการเมือง 24 พฤศจิกายน 2563 จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตามมาตรา 112 แล้วอย่างน้อย 154 คน ใน 159 คดี ในจำนวนนี้เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี 12 คน และยังไม่รวมผู้ที่ถูกตั้งข้อหาตาม ม. 116 ข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ ข้อหาพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกนับพันคน

การออกมารับลูกเรื่องแก้ม. 112 และ ม.116 ตามข้อเรียกร้องของม็อบสามกีบ ถ้าเป็นคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล ที่เป็นสายส้มล้มเจ้าอันนั้นไม่แปลกเพราะเรื่องนี้อยู่ในสายเลือดในสมองคนพวกนี้อยู่แล้ว แต่พรรคแดงของนายใหญ่นายทุนมาออกตัวเรื่องนี้แรง ทั้งๆที่ “นายใหญ่-นายหญิง” ก็ตีเนียนใช้บทลิงหลอกเจ้ามาตลอด พยายามเล่นบทอีแอบสร้างภาพรักสถาบันมาเสมอ จนถูกด่าถูกแซะว่า “สู้ไปกราบไป” แต่เที่ยวนี้แปลกกลับให้ไฟเขียวชัยเกษมออกมาจุดพลุเรื่องนี้แบบเต็มๆ แถมในจดหมายยังขู่จะรื้อกระบวนการยุติธรรมจากรากไปถึงยอด ไล่ตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกคือตำรวจ อัยการ ศาล แม้แต่เข้าคุกไปถึงราชทัณฑ์ก็จะไปดู งานนี้วิเคราะห์เป็นอื่นไม่ได้ต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทยเปิดเกมส์ชิงมวลชนกับพรรคก้าวไกลแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ถูกพิธาหัวหน้าพรรคส้มหวานย่องไปขโมยซีนตีหัวชิงเคาะประตูบ้านคนอีสานมาแล้ว รอบนี้พรรคเพื่อไทยก็หวังเอาคืนชิงคนรุ่นใหม่ คนหัวก้าวหน้า พวกเด็กมหาวิทยาลัย พวกไม่ชอบเจ้าไม่เอาสถาบัน

อย่าลืมว่า 2 พรรคนี้แม้เป็นพันธมิตรฝ่ายค้านไม่เอาประยุทธ์เหมือนกัน แต่ก็เป็นพรรคที่มีฐานเสียงเดียวกันมีคะแนนนิยมจากคนขั้วเดียวกัน แดงกับส้มจึงต้องต่อสู้กันไปตลอด ประเด็นเรื่องแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 และ ม. 116 ฝ่ายพรรคก้าวไกลส้มหวานเชื่อแน่ว่าเอาเรื่องนี้จริงเพราะเข้าเส้นเรื่องล้มเจ้าและเตรียมชูเรื่องนี้เป็นจุดขายเลือกตั้งรอบหน้าด้วย แต่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยแดงนายทุนเอาจริงไม่เชื่อว่าโทนี่จะกล้าเล่นเรื่องนี้จริง โอเคอาจได้คะแนนจากเยาวรุ่นที่ไม่ชอบเจ้าบ้างแต่ถามจริงว่าจะสักเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับคนไทยที่รักชาติรักสถาบัน สุดท้ายเรื่องนี้ทักษิณก็แค่หวังตีกินคะแนนจากวัยรุ่นส้มหวานชิงฐานมวลชนคนรุ่นใหม่จากพรรคก้าวไกล ฉีกกฎหมายเอาผิดคนด่าสถาบันรื้อเครื่องมือปกป้องคนล้มเจ้า เรื่องอ่อนไหวสะเทือนใจคนไทยแบบนี้นายใหญ่นายหญิงรู้ดีมีแต่เรื่องเข้าตัวไม่คุ้ม ฉาบฉวยพอไหวแต่ระยะยาวเชื่อแน่ว่า Say good bye เตรียมทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเอาลูกสาวเล่นการเมืองจะไปตีโง่เปิดศึกกับเจ้าทำไม  ทักษิณไม่โง่ขนาดนั้น

///////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รมว.ทส.เฉลิมชัย”ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้กำลังใจผู้พิทักษ์ป่า – มอบเอกสารสิทธิ์อยู่อาศัย-ทำกินในป่าอนุรักษ์ ช่วย ปชช.อยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน
ภาคเอกชนหนุนส่งเสริมอาชีพแม่บ้านแนวชายแดนบุรีรัมย์ หวังลดเครียด
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) สะพานสูงสุดในโลกในกุ้ยโจว ทดสอบรับน้ำหนักบรรทุกเสร็จสิ้น
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) หมู่บ้านห่างไกลในทิเบตได้รับการพัฒนาด้วย “เศรษฐกิจดอกพีช”
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) สำรวจ'ขุนเขาเจี้ยวจื่อ' ทางเดินยาวเด่นในคุนหมิง
ยกทัพศิลปิน-โชว์ศิลปวัฒนธรรมสุดอลังการ ในงาน "มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย 2568" ชวนชมแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​