จับตา “ป.ป.ช.” นัดถกด่วน ขอให้ “เอกวิทย์” ถอนตัวพ้น สตร.1 เหตุโดนร้องพัวพัน “บิ๊กโจ๊ก” ติดสินบนทองคำ


ข่าวที่น่าสนใจ
จากกรณีที่มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (บก.ปปป.) เข้าค้นบ้านพัก อาคารสำนักงาน และอาคาร ที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก อดีตรองผบ.ตร. รวม 11 จุด รวมถึงสมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนรัชดาภิเษก ในคดีที่มีการกล่าวหาว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ให้สินบน นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. และพวก เป็นทองคำ น้ำหนัก 246 บาท เพื่อให้ช่วยเหลือคดีที่ตนเองถูกกล่าวหาและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนอยู่


แหล่งข่าวเปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า ข้อกล่าวหาที่มีต่อนายเอกวิทย์ เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและกระทบต่อภาพลักษณ์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขณะที่นายเอกวิทย์ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้ควบคุมดูแลสำนักตรวจสอบทุจริตภาครัฐ 1 (สตร.1) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนการทุจริตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม และอัยการ ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจะขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวจากการควบคุมดูแล สตร. 1 และสลับดูแลสำนักงานอื่นแทน
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาว่าในคดีนี้เมื่อพนักงานสอบสวนหรือตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นในเบื้องต้นจะต้องส่งสำนวนการสอบสวนมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเนื่องจากเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่มีปัญหาเกิดขึ้น ก็คือ เมื่อมีการกล่าวหากรรมการ ป.ป.ช. รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ไม่ได้ให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยกัน แต่เป็นอำนาจของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาซึ่งจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนพิเศษขึ้นมาพิจารณาโดยช่องทางตามกฎหมายต้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่เพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาเพื่อส่งให้ประธานศาลฎีกาดำเนินการต่อไป
“ดังนั้นในกรณีนี้เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายให้ชัดเจนว่าจะส่งเรื่องหรือสำนวนไป ในช่องทางไหนเพื่อให้มีการดำเนินการไต่สวนตามกฎหมายได้” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวตำรวจ ปปป. ที่ดำเนินการสอบสวน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อ้างว่า ในการนำทองคำไปมอบให้กับกรรมการ ป.ป.ช. นั้น มีการแอบถ่ายคลิปไว้ โดยการสั่งการของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์เองเพื่อ สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการแบล็คเมล์กรรมการ ป.ป.ช. หากไม่ดำเนินการให้ตามที่มีการตกลงกัน
หลังจากนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ก็ได้เร่งรัดกดดันกรรมการ ป.ป.ช.มาโดยตลอด จนสุดท้ายได้มีความพยายามติดต่อ ขอคืนทองคำ ให้กับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์แต่ก็ยังไม่มีการคืนทองคำกันได้
จนในที่สุด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ได้ออกมากดดัน กล่าวหาตำรวจว่าเป็นองค์กรอาชญกรรมเเละเรื่องส่วย ในส่วนคดีตนเองก็พยายามโยนความผิดให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ในทุก ๆ เรื่อง เพื่อให้ตนเองพ้นผิด “สุดท้าย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ทนไม่ไหว ”
จึงนำคลิปการนำทองที่ไปมอบให้กรรมการ ป.ป.ช. มามอบให้กับทีมตำรวจ บก.ปปป. พร้อมให้รายละเอียดในทางคดี รวมถึงบอกเล่า หรือที่เรียกว่าเเฉพฤติกรรมต่าง ๆ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในหลายประเด็น
ขอบคุณข้อมูล : สำนักข่าวอิศรา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น