ขแมร์ไทม์สรายงานว่านายฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเขียนและโพสต์บทความลงโซเชียลมีเดียเมื่อวานนี้ (พุธที่ 24 ธค.) ระบุว่า “ กัมพูชา แพ้ไม่ได้ ส่วนไทยก็ชนะไม่ได้”
ตันกล่าวว่า 23 วันนับจากที่ไทยเปิดฉากโจมตีแนวพรมแดนกัมพูชาซึ่งทอดยาวกว่า 800 กิโลเมตร กองทัพไทยก็ติดอยู่ในวังวนของสงคราม หรือที่เรียกว่า “สงครามสนามเพลาะ” หรือเทรนช์ วอร์ (Trench War) ซึ่งชวนให้นึกถึง “ยุทธการแวร์ดัน” ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งทหารของทั้งสองฝ่าย (เยอรมนี-ฝรั่งเศส) ได้ขุดสนามเพลาะ เพื่อใช้เป็นที่กำบัง เมื่อทหารเยอรมันผู้รุกรานเปิดฉากโจมตี เข้ายึดพื้นที่ได้ แต่สักพักก็ถูกผลักดันแตกกระเจิงกลับไปอย่างรวดเร็ว และล่าถอยกลับไปยังสนามเพลาะเหมือนเดิม ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทหารไทยผู้รุกรานไม่สามารถรักษาดินแดนที่ยึดครองไว้ได้ ในขณะที่กัมพูชาก็ปกป้องดินแดนของตนอย่างไม่ยอมถอย
อย่างไรก็ตามสงครามได้คงคร่าชีวิตผู้คน ,ทหารและพลเรือนของทั้งไทยและกัมพูชา โดยฝ่ายไทยได้ส่งทหารไปตายเพื่อหวังยึดครองดินแดนเพียงเล็กน้อย ส่วนฝ่ายกัมพูชาต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินบรรพบุรุษ, อธิปไตยและศักดิ์ศรีของตน
ตันอ้างต่อว่าเพื่อปกปิดความพ่ายแพ้ กองทัพไทยได้แก้เกี้ยวด้วยการส่งเครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิดในกัมพูชา เช่นเดียวกับที่ทหารเยอรมันใช้ปืนใหญ่ในยุทธการแวร์ดันไม่ใช่เพื่อชนะสงคราม แต่เพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่พลเรือนชาวเขมร และทำให้คนไทยเชื่อว่าพวกเขากำลังได้ชัยชนะ
แต่ในความเป็นจริง ไทยกำลังทำลายภาพลักษณ์ของตนเอง เกียรติยศของกองทัพ และภาพพจน์ที่รัฐบาลไทยพยายามประชาสัมพันธ์ ด้วยการส่งทหารหนุ่มในวัยฉกรรจ์มาเสียชีวิตในป่ากัมพูชา ในสงครามที่ไร้สาระ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องความรักชาติ แต่แท้จริงแล้วคือผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มชาตินิยมสุดโต่ง
(-สงครามสนามเพลาะ หมายถึงรูปแบบการรบบนบกที่ทหารของสองฝ่ายขุดสนามเพลาะเพื่อใช้เป็นที่กำบัง ซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยต่างฝ่ายต้องใช้ความพยายามที่จะบุกข้ามพรมแดนซึ่งเต็มไปด้วยลวดหนามและทุ่นระเบิด เพื่อยึดครองดินแดนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดการสู้รบที่ยืดเยื้อและสูญเสียจำนวนมาก.

