กัมพูชาตัดพ้อสันติภาพต้องไม่เกิดจากปลายกระบอกปืน

กัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริง เล่นบทเหยื่อ ตัดพ้อสันติภาพไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการข่มขู่ควบคุม กล่าวหาไทยบังคับให้กัมพูชากู้ทุ่นระเบิดฝ่ายเดียวซึ่งเป็นเรื่องอันตราย พร้อมตั้งคำถามทำไมไทยไม่ยอมเปลี่ยนสถานที่เจรจา GBC ไปมาเลเซีย

รอธ สันติเพียพ นักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์กัมพุชาเขียนบทความผ่านเดอะ พนมเปญโพสต์วันนี้ (พุธที่ 24 ธค.) อ้างว่าแถลงการณ์ล่าสุดของไทยก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) เผยให้เห็นความจริงที่น่ากังวล โดยชี้ว่าไทยไม่ได้ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการควบคุมทิศทางการเจรจา และว่าการที่ไทยปฏิเสธคำขอของกัมพูชาที่จะย้ายการประชุม GBC ไปมาเลเซีย สะท้อนว่าไทยกำลังปฏิเสธความเป็นกลาง การยืนกรานให้การเจรจาเกิดขึ้นในดินแดนของตนเอง จึงไม่สมเหตุสมผลและไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไทยยังคงเปิดปฏิบัติการทางทหารตามแนวชายแดน ขณะที่ข้อเสนอของกัมพูชาให้เปลี่ยนไปที่มาเลเซียในฐานะประธานของอาเซียนถือเป็นแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ

นักวิเคราะห์กัมพูชายังชี้ว่าการที่ไทยตั้งเงื่อนไขความสำเร็จของการเจรจาหยุดยิงว่าต้องขึ้นอยู่กับ “ความจริงใจของกัมพูชา” ถือว่าไม่ใช่ภาษาทางการทูต แต่เป็นการกล่าวหาของไทย และว่าการเจรจาสันติภาพไม่สามารถเริ่มต้นด้วยการกล่าวโทษและตัดสินฝ่ายเดียว

นายรอธยังกล่าวว่าการที่ไทยตั้งเงื่อนไขให้กัมพูชาต้องเคลียร์ทุ่นระเบิดก่อนจึงจะเจรจาหยุดยิงได้นั้นเป็นการไม่จริงใจอย่างยิ่ง เนื่องจากการกู้ทุ่นระเบิดเป็นภารกิจด้านมนุษยธรรม ไม่ควรนำมาเป็นอาวุธทางการเมือง และการเคลียร์ทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาทหรือพื้นที่ขัดแย้งจะต้องมีการประสานงานกัน และดำเนินการภายใต้สภาวะที่ปลอดภัย และจุดยืนของกัมพูชาคือการเคลียร์ทุ่นระเบิดควรดำเนินการผ่านกลไกที่ตกลงกันไว้ควบคู่ไปกับการปักปันเขตแดนจึงสมเหตุสมผล ข้อเรียกร้องของไทยให้กัมพูชาเคลียร์ทุ่นระเบิดฝ่ายเดียวถือว่าไม่ปลอดภัยและไม่จริงจัง (ทั้งๆที่ความเป็นจริงฝ่ายไทยเป็นผู้กู้ทุ่นระเบิดฝ่ายเดียวมาโดยตลอด และได้เรียกร้องกัมพูชาให้ร่วมกู้ด้วยกัน แต่กัมพูชาปฏิเสธมาโดยตลอด)

รอธจี้ต่อว่าการที่ไทยยืนกรานให้ GBC เป็นการประชุมแบบทวิภาคีในลักษณะปิดประตูประชุม โดยปฏิเสธการมีส่วนร่วมของบุคคลที่สาม และปัดบทบาทของอาเซียน ในการลดความตึงเครียดนั้น ทำให้เกิดคำถามว่าไทยกำลังปิดบังอะไร

และประเด็นที่น่ากังวลที่สุดคือการที่ไทยยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ากัมพูชา “เป็นฝ่ายยิ่งก่อน” เป็นสิ่งไม่พิสูจน์ไม่ได้ และเป็นเพียงข้ออ้าง

นายรอธได้สรุปบทความด้วยถ้อยคำสวยหรูว่า “สันติภาพไม่สามารถบรรลุได้จากการควบคุมบงการ” หรือสร้างเงื่อนไขเพื่อทำให้อีกฝ่ายอับอาย และจะไม่มีวันคืบหน้าตราบใดที่ยังใช้ปฏิบัติการทางทหาร พร้อมตัดพ้อต่อว่ากัมพูชาแค่อยากได้ที่จัดประชุมที่เป็นกลาง มีอาเซียนเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย กู้ทุ่นระเบิดร่วมกันและลดระดับความตึงเครียด หากไทยต้องการสันติภาพจริงก็ต้องยอมรับความเป็นกลางและปฏิบัติต่อกัมพูชาด้วยความเท่าเทียม ไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วธ. จัดสวดมนต์ข้ามปีอย่างยิ่งใหญ่ เชิญชวนประชาชนทั่วโลกร่วมสวดมนต์ ถวายพระราชกุศล เสริมสิริมงคลชีวิต รับศักราชใหม่ 2569
โรงพยาบาลตาคลี ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรตาคลี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอุบัติเหตุหมู่
"เขมร" สร้างสตอรี่อีกแล้ว "เตีย เซ็ยฮา" ส่งหนังสือ "บิ๊กเล็ก" ชวนไทยกลับสู่โต๊ะเจรจา ทำข้อตกลงหยุดยิงทันที
“เดชอิศม์” อดีตรมช.มหาดไทย ประกาศหยุดการเมือง
'ไทยก้าวใหม่'เปิดตัวหญิงแกร่งเมืองย่าโม “ทนายนา–ณัฐธยาน์” ชิง สส.โคราช เขต 1–2 ดร.เอ้ ขอแรงชาวโคราชหนุน
ป.ป.ช.อยุธยา ดึงเครือข่ายสานต่อโครงการเสริมพลัง STRONG ประชาชนถอนหมุดพื้นที่เสี่ยงทุจริต (ESPAC)

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​