“บิ๊กเล็ก” ย้ำภารกิจกองทัพ ลุยปฏิบัติการ จนกว่า ‘กัมพูชา’ สิ้นสุดสภาพปฏิปักษ์ แจงกู้ร่างทหารเนิน 350 จำเป็นต้องระวัง รอบคอบ


ข่าวที่น่าสนใจ
18 ธ.ค.2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอกณัฐพล นาคพานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาได้ไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจทหาร รวมถึงประชาชนในพื้นที่ชายแดนเท่าที่จะทำได้ และไม่กระทบต่อการทำงานของกำลังพลที่อยู่แนวหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ส่วนการที่ไปลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ก็ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแนวหลัง และพูดคุยกับผู้บังคับบัญชา ที่กองกำลังบูรพา

ส่วนกรณีการกู้ร่างทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะ พื้นที่เนิน 350 ปราสาทตาควายนั้น พลเอกณัฐพล กล่าวว่า กองทัพต้องการได้ร่างทหารกลับคืนมาโดยเร็ว แต่จะไปเร่งรัดก็ไม่ได้ เพราะต้องใช้ความ ระมัดระวัง ซึ่งยอมรับว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นภาพที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น เพราะเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปว่าหากเกิดการสู้รบในรอบนี้ สถานการณ์จะหนักกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากการรบที่เร็วและได้เปรียบ หมายความว่าฝ่ายไทยจะต้องมีกำลังมาก แต่ครั้งนี้กำลังทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาใกล้เคียงกัน จึงทำให้การรบยืดเยื้อและสูญเสียมาก ในฐานะที่เคยเป็นเจ้ากรมยุทธการมาก่อนจึงเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถจินตนาการภาพออกว่าเมื่อเกิดการรบขึ้นเมื่อไหร่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการสูญเสีย ดังนั้นที่ผ่านมาจึงพยายามแสดงท่าทีให้เกิดการเจรจา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบรับ แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้ก็ต้องเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป เพื่อให้ไปกัมพูชาสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์หรือที่ ทบ.ใช้คำว่าให้กัมพูชาสิ้นสุดสภาพทางทหาร
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ไม่ใช่เป้าหมายเราจะยึดคืน 100 เปอร์เซ็นต์ ใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล ยืนยันว่า ทุกเป้าหมาย 7 จังหวัด ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่เราตอบโต้ป้องกันตัวเองอย่างได้สัดส่วน ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 จังหวัดสระแก้ว ที่เราอาจเสียเปรียบด้านภูมิประเทศนั้น ต้องเสริมยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ยานเกราะ ซึ่งได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 โดยการยึดที่หมายได้ ไม่ใช่ว่าต้องนำกำลังไปวางไว้ แต่ภาษาทหารเรียกว่าการคุ้มครองด้วยการยิง ซึ่งเมื่อเรายึดก็ยิง จนกว่ากัมพูชาจะสิ้นสุดการเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน ไม่ใช่ว่าวันเดียว แล้วเราหยุดเลย
พลเอกณัฐพล กล่าวมั่นใจใน ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งสถานการณ์คืบหน้าตามลำดับ ภารกิจที่เราคุยกันก็เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ย้ำว่าจะหยุดยิงเมื่อฝ่ายกัมพูชาสิ้นสุดเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน ซึ่งในภาพที่ออกมาจากสื่อที่รัฐบาลกัมพูชาพูดว่าพร้อมเจรจา อยากหยุดยิง แต่หน้าแนวยังระดมยิงกับเราทุกวัน ก็ต้องมีการหยุดยิงชัดเจนก่อน ถ้ากัมพูชาอยากหยุดยิง ก็หยุดเลย เราไม่มีไปรุกราน ซึ่งเราป้องกันตัวเองเท่านั้น ได้สัดส่วนและจำเป็น เราไม่มีการไล่ยิงตามยิงถึงพนมเปญอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากหยุดยิง ก็ต้องทำให้เราเห็นก่อน ไม่ใช่ดีแต่พูด และไม่ทำ
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นอดีตทหารและเป็นรุ่นพี่ ได้พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ และน้อง ๆ ในกองทัพ อย่างไรบ้าง พลเอกณัฐพล กล่าวว่า เวลาลงพื้นที่ก็ขอให้ไม่ต้องจัดการต้อนรับ ขอให้ทำงานตามปกติ แต่ขอเวลามานั่งคุยกันแบบพี่น้อง ว่าพื้นที่ขาดสิ่งใดบ้าง กระทรวงกลาโหมก็ยินดีสนับสนุน ซึ่งทางรัฐบาลให้นโยบายว่าพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งหลังตนลงพื้นที่สระแก้ว ก็สงสาร ทุกคนก็น้ำตามซึม ได้ให้กำลังใจ ฝากทางผู้ว่าฯดูแล และเราจะพยายามดำเนินการให้ใช้เวลาไม่นานนัก ตนไม่อยากไปบอกว่าต้องกี่วัน ก็จะเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์กองทัพ ซึ่งตนเชื่อมั่นใน ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ เมื่อภารกิจเรียบร้อย เราก็จบภารกิจ ไม่ยืดเยื้อ เพราะการสูญเสียกำลังพลทำให้สะเทือนใจผู้บังคับบัญชา อะไรที่สามารถยุติสถานการณ์ได้ เราก็ยินดี
เมื่อถามอีกว่าทางกระทรวงกลาโหมได้เตรียมข้อมูลให้รัฐบาลเพื่อเจรจากับทูตพิเศษกิจการเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ไม่มี โดยเป็นข้อมูลปกติ เราพร้อมตอบทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น