AFP รายงานว่าอินโดนีเซียระดับน้ำลดเกือบหมดแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง อาหาร และน้ำสะอาด โดยที่จังหวัดอาเจะห์ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไดรับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุน้ำท่วมครั้งรุนแรงในรอบหลายสิบปี ประชาชนได้แห่นำรถไปรอคิวเติมน้ำมันกันยาวเหยียดหลายกิโลเมตร ท่ามกลางความวิตกว่าจะเกิดการขาดแคลนเชื้อเพลิง หลายคนต้องรอคิวกันข้ามคืน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เส้นทางส่วนใหญ่ถูกตัดขาดจากน้ำท่วมและโคลนถล่ม
ขณะที่ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคพุ่งขึ้นเป็นสามเท่าตัว โดยหนึ่งในผู้ประสบภัยเผยว่าราคาพริกสดพุ่งขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 3 แสนรูเปียห์หรือราว 573 บาท ส่งผลให้ประชาชนพากันตื่นตกใจและเร่งกักตุนอาหารเพราะกลัวว่าจะเกิดการขาดแคลนและราคาพุ่งสูงกว่านี้ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของผุ้ประสบภัยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยกล่าวหาว่าทางการให้ความช่วยเหลือล่าช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งของจำเป็น
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศว่ากำลังเร่งส่งข้าวและน้ำมันปรุงอาหารไปยังพื้นที่ประสบภัยหลัก 3 แห่งที่อาเจ้ะห์, สุมาตราเหนือและสุมาตราตะวันตก แต่การขนส่งเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้แต่พื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม เส้นทางคมานาคมก็ยังถูกตัดขาด
ขณะที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์เผยว่าหากความช่วยเหลือยังมาไม่ถึงภายใน 7 วันอาเจ้ะห์จะเผชิญกับการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ล่าสุดองค์กรบรรเทาทุกข์บางแห่งได้เปลี่ยนมาส่งความช่วยเหลือทางเรือ ล่าสุดยอดผุ้เสียชีวิตวันนี้ (พุธที่ 3 ธค.) พุ่งขึ้นเป็น 753 คนและสูญหาย 650 คน
ส่วนศรีลังกา ซึ่งได้รับผลกระทบทั่วประเทศ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 465 คน ยังสูญหายอีก 366 คน ประธานาธิบดีอนุรา กุมาร ทิสานายกะได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ รวมทั้งอินเดียและปากีสถาน สองประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้ส่งเครื่องบินพร้อมอาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งได้รับผลกระทบราว 1.7 ล้านคน ซึ่งล่าสุดฝนได้ลดลงทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงโคลอบโบ แต่คำเตือนเรื่องโคลนถล่มยังมีอยู่ทั่วประเทศ

