สื่อกัมพุชารายงานวันนี้ (พุธที่ 26 พย.) นายกี เซเรวาธ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของกัมพูชาได้ให้สัมภาษณ์พิเศษครั้งแรกกับขแมร์ไทม์สเกี่ยวกับเหตุปะทะที่บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ซึ่งกัมพูชาอ้างว่าทำให้พลเรือนกัมพูชาเสียชีวิต 1 คนบาดเจ็บ 3 คน นายกีกล่าวว่า “เขาไม่เคยคิดเลยว่าประเทศที่เคยได้รับยกย่องว่ามีคุณธรรมจะก่อเหตุแบบนี้ได้” พร้อมกับเรียกร้องประชาคมโลกคว่ำบาตรสินค้าไทย บอกว่าการซื้อสินค้าไทยถือเป็นการสนับสนุนความรุนแรงทางอ้อม สวนทางกับความนโยบายสันติภาพโลก
นายกียังปลุกระดมลัทธิชาตินิยมเรียกร้องชาวกัมพูชาให้แสดงความรักชาติ โดยกล่าวว่าการซื้อสินค้าไทยเป็นการช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้ให้ประเทศไทยเพื่อใช้ซื้ออาวุธมาสังหารผู้บริสุทธิ์ และว่าตัวเขาเองจะหยุดซื้อสินค้าไทยโดยถาวร
แต่เมื่อถูกถามว่ากัมพูชาควรแบนสินค้าจากชาติอื่นๆที่เคยรุกรานกัมพูชาด้วยหรือไม่ เพราะกัมพูชาก็เคยถูกสหรัฐทิ้งระเบิด, เคยถูกฝรั่งเศสและเวียดนามยึดครอง นายกีตอบว่ากัมพูชาไม่สามารถคว่ำบาตรสินค้าจากทุกชาติ แต่ควรเน้นสถานการณ์ปัจจุบันและความเป็นจริง
นายกียังพูดส่งสัญญานให้ชาวกัมพูชาแบนสินค้าประเทศที่เริ่มสงครามอื่นๆรวมทั้งรัสเซียและอิสราเอลด้วย โดยบอกว่าการซื้อสินค้าจากประเทศเหล่านี้เป็นการสนับสนุนการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์
นักเศรษฐศาสตร์กัมพูชาแนะนำรัฐบาลให้ลดการพึ่งพาสินค้าไทย, ส่งเสริมการผลิตในประเทศและหันไปซื้อสินค้าเวียดนามและจีนแทน พร้อมเผยว่าขณะนี้กัมพูชาหันมาเพิ่มการนำเข้าจากมาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนามและจีนมากขึ้นแทนสินค้าไทย
อย่างไรก็ตามนายกีเตือนว่าการหยุดซื้อสินค้าไทยอาจทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอื่นฉวยโอกาสขึ้นราคา โดยเฉพาะอยางยิ่งเวียดนามและจีน นอกจากนี้ระยะทางที่ไกลกว่าก็จะยิ่งเพิ่มค่าขนส่ง ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้บริโภคกัมพูชาอาจต้องซื้อสินค้าที่แพงขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้าไปประเทศอื่น โดยไม่ผ่านประเทศไทยก็ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้นเช่นกัน โดยเผยว่าสมาคมผุ้ค้ามะม่วงหิมพานต์เวียดนามปฏิเสธไม่ยอมซื้อสินค้าจากเกษตรกรกัมพูชา อ้างว่าราคาแพงและขอต่อรองให้ลดราคา ทำให้เกษตรกรกัมพูชาขาดอำนาจต่อรอง ซึ่งรัฐบาลต้องออกมาให้ความช่วยเหลือ
