“ภูมิธรรม” แจงยาวการเมืองไม่เกี่ยวสั่ง “แม่ทัพกุ้ง” หยุดยิง ยันภารกิจชายแดน มอบหมาย “กองทัพ” มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ภายใต้กรอบกม.

"ภูมิธรรม" แจงยาวการเมืองไม่เกี่ยวสั่ง "แม่ทัพกุ้ง" หยุดยิง ยันภารกิจชายแดน มอบหมาย "กองทัพ" มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ภายใต้กรอบกม.

วันที่ 11 พ.ย.2568 เวลา 17.01 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะอดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กชี้แจงว่า เมื่อมีการพูดถึง “คำสั่งหยุดยิง” ในช่วงระหว่างเหตุการณ์ ที่มีการปะทะกันระหว่างกองทัพไทยกับกัมพูชา ทำให้เกิดคำถามคาดเดาไปต่างๆนานา และสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนในสังคม

ในฐานะ ผู้เคยปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านความมั่นคง และประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ผมเห็นว่าควรนำข้อเท็จจริงจากช่วงเวลานั้นมาอธิบายให้ประชาชนได้รับทราบอย่างชัดเจนดังนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

1. หลังจากเกิดเหตุความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา รัฐบาลในขณะนั้นได้เรียกประชุม สมช. เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมได้หารืออย่างรอบคอบ และมีมติสำคัญคือ “มอบอำนาจให้กองทัพสามารถตัดสินใจได้ตามหลัก Rules Of Engagement หรือ ROE” ซึ่งหมายความว่า กองทัพไทยมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเชิงยุทธวิธี เพื่อป้องกันประเทศตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากฝ่ายการเมือง

2.การปฏิบัติการป้องกันประเทศในครั้งนั้นมีสองระดับที่ชัดเจน คือ ระดับนโยบาย รัฐบาลกำหนดกรอบยุทธศาสตร์และแนวทางทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ,ระดับปฏิบัติ กองทัพเป็นผู้ดำเนินการตามหลักยุทธวิธีและ ROE ที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจาก สมช. ดังนั้นความเชื่อที่ว่า “มีคำสั่งหยุดยิงจากฝ่ายการเมือง” ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะในห้วงเวลานั้น กองทัพได้รับอำนาจในการปฏิบัติอย่างอิสระ ภายใต้กรอบกฎหมายและกติกาสากล

3. ตลอดช่วงสถานการณ์ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่าง สมช. กระทรวงกลาโหม และกองทัพภาคที่เกี่ยวข้อง โดย สมช. ทำหน้าที่“กำหนดทิศทางและเป็นศูนย์รวมข้อมูล” ให้รัฐบาลใช้ตัดสินใจในเชิงนโยบาย ในขณะที่หน่วยปฏิบัติได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายและเสรีในการปฏิบัติหน้าที่ ผ่านกลไกของกฎอัยการศึกเฉพาะพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับสามารถทำงานได้เต็มศักยภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลทางกฎหมายภายหลัง

 

นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ในกระบวนการขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวในข้างต้น รัฐบาลในขณะนั้นมีหลักการสำคัญ โดยยึดมั่นในสันติวิธีตามหลักสากลและการเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ แต่จะไม่ยอมให้ใครละเมิดแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และทุกการตัดสินใจอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและกลไกความมั่นคงของรัฐ ที่ผ่านมาในช่วงที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ทำงานประสานกับผู้นำเหล่าทัพต่างๆอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีการหารือและรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบคอบ

ผมเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของผู้นำเหล่าทัพทุกท่าน ทำให้ภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศผ่านไปด้วยความราบรื่น และอำนวยประโยชน์ให้ประเทศอย่างสูงสุด โดยยึดหลักความรับผิดชอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกการตัดสินใจในช่วงเวลานั้น มีจุดยืนเพียงหนึ่งเดียวคือ “ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และหลีกเลี่ยงความรุนแรงเพื่อลดความสูญเสียของกำลังพลและพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนให้ได้มากที่สุด“

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นฤมล” ตรวจเยี่ยมรร.ตรัง แจกไอศกรีม เติมรอยยิ้มเด็ก สั่ง กพฐ.เร่งแก้ปัญหางบฯขาด กระทบค่าน้ำไฟ–ครูไม่พอ พร้อมผลักดันการศึกษาพิเศษเข้าถึงทุกพื้นที่
สมาคมชาวไร่อ้อยสี่แควนครสวรรค์ การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568
ญี่ปุ่นประท้วงทูตจีนหลังใช้คำพูดดุเดือดขู่นายกฯ
นายกฯ เรียกประชุมสมช.พรุ่งนี้ หลังชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ตึงเครียด รับรายงาน เหตุเขมรยิงป่วนเล็กก่อกวนแล้ว ขอรอดูสถานการณ์ใกล้ชิด
กอ.รมน.จังหวัดลำปาง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอเถิน
สส.หนึ่ง ร่วมลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำ “ฝ่ายน้ำล้นหนองคล้า” แก้ปัญหาน้ำประปา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​