ไทย–มาเลย์ เปิดแนวร่วมเศรษฐกิจใหม่ หนุนโมเดล IGROW เสริมพลังเศรษฐกิจชุมชน

วันที่ 10 พ.ย. 2568 ความสัมพันธ์ระดับภูมิภาคระหว่างมาเลเซียและไทยได้ก้าวสู่มิติใหม่ จากการประชุมเชิงกลยุทธ์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนระดับภูมิภาค ระหว่างรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม D Hotel Seri Iskandar รัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย เป็นการรวมพลังกันของสามองค์กรหลัก ได้แก่ สมาคมพัฒนาชุมชนอำเภอเปรักกลาง สถาบันการเกษตรและผู้ประกอบการ (IGROW) ของมาเลเซีย นำโดย Encik Nordin Abdul Malek ในฐานะประธานบริหารของ Institut Agro Usahawan (IGROW) และ ศอ.บต. นำโดย นางสาวกนกรัตน์ พงษ์ธัญญะวิริยา ผู้ช่วยเลขาธิการศอ.บต. และสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย โดยมีภาคเอกชนและสื่อมวลชนไทยร่วมสังเกตการณ์ เพื่อขับเคลื่อน “มิติใหม่ของความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์” มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน สร้างโอกาสให้ประชาชนมีบทบาทในการจัดการและภาครัฐทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจข้ามพรมแดนที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น

โดยได้ร่วมวางกรอบแนวทางเชื่อมเศรษฐกิจข้ามพรมแดน โดยใช้ “โมเดล IGROW” เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนตลาดผลิตภัณฑ์ SME และ IKS (SME มาเลเซีย) เปิดเส้นทางการค้าระหว่างภาคใต้ของไทยและรัฐเปรัก ซึ่งจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในอาเซียน นางสาวกนกรัตน์ พงษ์ธัญญะวิริยะ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 ระหว่าง ศอ.บต. และ IGROW ผ่านการประสานของสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสันติภาพภาคใต้ของไทย นำโดย นายระพี มามะ และ นายตูแวดานียาล มารีงิง ซึ่งร่วมกันผลักดันแนวทางเศรษฐกิจชุมชนที่ประชาชนมีส่วนร่วม และกำลังต่อยอดสู่ความร่วมมือเชิงนโยบายระดับภูมิภาค การประชุมยังระบุ 7 ประเด็นหลักของความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองระหว่างชายแดนไทย–มาเลเซีย ได้แก่ 1.การศึกษาและการพัฒนา TVET ข้ามพรมแดน 2.เกษตรกรรมและเครือข่ายอุปทานอาหาร 3.การท่องเที่ยวเชิงเกษตร–เชิงนิเวศ 4.การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร (Media Exchange) 5.การค้าทวิภาคีและศูนย์โลจิสติกส์ฮาลาล 6.การขจัดความยากจนและโครงการบูรณาการความมั่นคงทางอาหาร และ 7.การพัฒนาทุเรียนอาเซียน และศูนย์วิจัยทุเรียนฮาลาล

ทั้งนี้ คณะฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ Maahad Tahfiz Dan Kemukjizatan Al-Quran, Pondok Air Jernih ณ หมู่บ้านอูลู เกินเดอร็อง เจอริก รัฐเปรัก ซึ่งมีรูปแบบการพึ่งพาตนเองที่ยั่งยืน เน้นการบูรณาการการศึกษาศาสนาเข้ากับการเป็นผู้ประกอบการด้านการเกษตร สถาบันแห่งนี้เป็นศูนย์ตาห์ฟิซ (สำหรับเด็ก) และปอเนาะ (สำหรับผู้ใหญ่) และถูกยกระดับให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ศาสนาและอาชีพเพื่อการพึ่งพาตนเอง” โดยมีการปลูกพริกเพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงทางการเงินผ่านระบบสหกรณ์ Koperasi Maahad Tahfiz Pondok Air Jernih Gerik Berhad ที่บริหารจัดการอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส นางสาวกนกรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “การเยี่ยมชมครั้งนี้จะนำไปสู่การเปิดโอกาสความร่วมมือด้านการศึกษาและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ เพื่อสร้างแบบอย่างของการศึกษาศาสนาที่ผสานกับการพัฒนาอาชีพ สร้างฮาฟิซและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคงและยั่งยืน”

ตอริก สหสันติวรกุล  ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.ปัตตานี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นฤมล” ตรวจเยี่ยมรร.ตรัง แจกไอศกรีม เติมรอยยิ้มเด็ก สั่ง กพฐ.เร่งแก้ปัญหางบฯขาด กระทบค่าน้ำไฟ–ครูไม่พอ พร้อมผลักดันการศึกษาพิเศษเข้าถึงทุกพื้นที่
สมาคมชาวไร่อ้อยสี่แควนครสวรรค์ การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568
ญี่ปุ่นประท้วงทูตจีนหลังใช้คำพูดดุเดือดขู่นายกฯ
นายกฯ เรียกประชุมสมช.พรุ่งนี้ หลังชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ตึงเครียด รับรายงาน เหตุเขมรยิงป่วนเล็กก่อกวนแล้ว ขอรอดูสถานการณ์ใกล้ชิด
กอ.รมน.จังหวัดลำปาง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอเถิน
สส.หนึ่ง ร่วมลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำ “ฝ่ายน้ำล้นหนองคล้า” แก้ปัญหาน้ำประปา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​