เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 นางยุพิน บัวคอม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
รองอธิบดีได้ลงพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้ระดับตำบลโคกเคียน ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองนราธิวาส สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนราธิวาส โดยมี นาง นูรไอนี ติสมานิ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองนราธิวาส พร้อมด้วยคณะครูและผู้เรียนให้การต้อนรับ
ในการนี้ นางยุพิน บัวคอม รองอธิบดีฯ แก่ผู้บริหาร คณะครู และผู้เรียนว่า “สกร. มีภารกิจที่สำคัญ คือสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมในทุกช่วงวัย เพราะเราเชื่อว่าการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกลไกสำคัญในการยกระดับประเทศ“
รวมถึงได้เน้นย้ำกับผู้เรียน ว่า
“ความสำคัญสูงสุด คือ พวกเราที่เป็นผลผลิตของ สกร. ที่ไม่ใช่เพียงแค่ผู้สำเร็จการศึกษา แต่พวกเราจะต้องเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างรอบด้าน เรียนดี มีคุณธรรม เรียนจบแล้วต้องสามารถสร้างความมั่นคงในชีวิตได้จริง มีรายได้ มีงานทำ และมีทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ”
อีกทั้งนางยุพินยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สกร. ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การถ่ายทอดความรู้พื้นฐานเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้ผู้เรียนของเรา “กล้าคิด กล้าฝัน” กล้านำความรู้ไปปรับใช้และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ อันจะนำไปสู่การเป็น “บุคคลฉลาดเรียนรู้” และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นของ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้
จากนั้นลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนราธิวาส โดย นางสาวนราวรรณ เวชธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดนราธิวาส และคณะบุคลากร ร่วมรับมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานตามภารกิจของ สกร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ดังนี้
1. การดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วน Quick Win 2569 โดยนางยุพิน รองอธิบดี ฯ กล่าวว่า สกร. เร่งสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยกำลังดำเนินการครั้งสำคัญเพื่อขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการเพิ่มงบประมาณเงินอุดหนุนรายหัวสำหรับผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน
“ปัจจุบันผู้เรียนได้รับเงินอุดหนุนรายหัวใน 3 รายการหลักอยู่แล้ว คือ ค่าหนังสือเรียน, ค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน, และค่าจัดการเรียนการสอน แต่เรากำลังจะขอ เพิ่มอีก 2 รายการ คือ ค่าอุปกรณ์การเรียน และ ค่าเครื่องแบบผู้เรียน เพื่อให้การสนับสนุนครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำเป็นได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้”
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี 2569 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ประชาชน เข้าถึงวุฒิการศึกษาได้ง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น
2. การศึกษาเชิงพื้นที่ เน้นอัตลักษณ์ สู่การยกระดับคุณภาพชีวิต นางยุพิน กล่าวว่า สกร. มุ่งเน้นการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ที่ผนวกอัตลักษณ์ และความต้องการเฉพาะของแต่ละชุมชนเข้ากับการเรียนรู้ และยังเน้นย้ำ
“เราไม่ได้แค่สอนหนังสือ แต่เรานำองค์ความรู้วิจัยและนวัตกรรม ไปใช้ในการพัฒนาชุมชนโดยตรง เรามีภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง เช่น อว. โดยการขับเคลื่อนการผลิตครูนวัตกร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ทั้งในด้านอาชีพ สุขภาพ และยกระดับภูมิปัญญาชุมชน สิ่งนี้ทำให้การเรียนรู้มีความหมายและตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
โดยทิ้งท้ายว่า การศึกษายังเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคม โดย สกร. ให้ความสำคัญกับการ “จัดการศึกษาที่เปลี่ยนวิธีคิด” ซึ่งจะนำไปสู่การยอมรับความแตกต่างและการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ เพื่อสร้าง ความสงบและความยั่งยืน ในทุกพื้นที่ของประเทศ
และลงพื้นที่ห้องสมุดประชาชนจังหวัดนราธิวาส โดยนางยุพิน ได้ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า
“ท่านต้องเปลี่ยนบทบาทของห้องสมุดในพื้นที่ของท่าน จาก “คลังหนังสือ” เป็น “Co-Learning Space” และศูนย์กลางกิจกรรมที่ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยแนวคิด 3 เปลี่ยน คือ
1. เปลี่ยนพื้นที่ เราต้องปรับปรุงพื้นที่ห้องสมุดให้มีความยืดหยุ่น ทันสมัย เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน (Co-Learning) และรองรับการเข้าถึงข้อมูลดิจิทัล สื่อการเรียนรู้ทุกชนิด
2. เปลี่ยนกิจกรรม เราจะต้องเพิ่มกิจกรรมที่เน้นการปฏิบัติและการสื่อสาร เช่น การจัดกิจกรรมรักการอ่านที่หลากหลาย การส่งเสริมวรรณกรรมชุมชน หรือการจัดกลุ่มฝึกทักษะภาษาเพื่อการสื่อสาร
3. เปลี่ยนห้องสมุดมีชีวิต เราจะต้องทำให้ห้องสมุดกลายเป็นสถานที่ที่ “มีชีวิต“ เป็นที่ที่คนอยากมาพบปะแลกเปลี่ยน และสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ ๆ “
ทั้งนี้ นางยุพิน บัวคอม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ยังได้ฝากทิ้งท้ายว่า ”ขอให้ทุกท่านช่วยกันทำให้ห้องสมุดของ สกร. เป็นพื้นที่ที่มีชีวิต เป็นแหล่งที่จุดประกายความรักการอ่าน และเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน“


















