เมื่อวันที่ (7 พ.ย. 68) เวลา 18.00 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ “เต้ พระราม 7” อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์, นายพลวัตร บรรดาศักดิ์ หรือ “อดีต สจ.บอย” ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมภายในชุมชน ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อพูดคุยให้กำลังใจชาวบ้าน พร้อมมอบยาทาฆ่าเชื้อรา รักษาอาการน้ำกัดเท้าให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
นายมงคลกิตติ์ หรือ “เต้ พระราม 7” กล่าวว่า ตนได้รับการชักชวนจากนายพลวัตรฯให้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำท่วมรอบเกาะเกร็ด ซึ่งถือเป็นพื้นที่ประสบภัยซ้ำซาก โดยก่อนหน้านี้ตนเคยเดินทางมาบริเวณวัดปรมัยยิกาวาสในช่วงติดตามคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม ภัทรธิดา” อดีตดาราชื่อดัง แต่ครั้งนี้กลับมาเพื่อช่วยเหลือและรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านแทน






นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำถึง 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้หลายจังหวัดตั้งแต่ อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ไปจนถึงกรุงเทพมหานคร ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้นตลิ่ง และท่วมขัง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำทุกปีเป็นเวลาหลายเดือน ขณะที่เงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยที่รัฐบาลกำหนดไว้ 9,000 บาท ต่อครัวเรือน สำหรับระยะเวลานานถึง 120 วัน ถือว่าไม่สอดคล้องกับความเสียหายที่แท้จริง เพราะชาวบ้านต้องหยุดทำมาหากิน บางรายสูญเสียทรัพย์สินและต้องใช้ชีวิตท่ามกลางน้ำท่วมยาวนาน
จึงอยากให้รัฐบาลปรับระบบการเยียวยาให้เหมาะสมกับความเสียหายจริง ๆ ไม่ใช่ 9,000 บาท ต่อ 4 เดือนแบบนี้ เพราะประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรี ที่จมน้ำทุกปี รัฐควรวางแผนสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ก่อนถึงพื้นที่ตอนล่าง เพื่อป้องกันน้ำหลากซ้ำซากอยากฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าควรใช้ช่วงเวลาที่เหลือในตำแหน่งบริหารประเทศอีกประมาณ 30 วัน ทำผลงานช่วยเหลือประชาชนจริง ๆ อย่าให้ประชาชนจำได้แค่เซ็นสัญญาสันติภาพกับกัมพูชา ทำให้ประเทศเราเสียเปรียบ





















