สิ้นสุดยุคอำพรางซ่อนเร้น! “ดร.โอฬาร” ชื่นชมรัฐบาล จริงจัง จริงใจ เซ็นความร่วมมือ “ไทย-กัมพูชา” ราบรื่น แก้ปัญหาชายแดน

สิ้นสุดยุคอำพรางซ่อนเร้น ! “โอฬาร” เผย เหตุไทย-กัมพูชา เซ็นความร่วมมือราบรื่น ชมรัฐบาลภูมิใจไทย จริงจัง จริงใจ แก้ปัญหาชายแดน

สิ้นสุดยุคอำพรางซ่อนเร้น! “ดร.โอฬาร” ชื่นชมรัฐบาล จริงจัง จริงใจ เซ็นความร่วมมือ “ไทย-กัมพูชา” ราบรื่น แก้ปัญหาชายแดน – Top News รายงาน

ดร.โอฬาร

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว นักรัฐศาสตร์ จาก ม.บูรพา กล่าวถึงข้อตกลงไทย-กัมพูชา จากการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย ระบุว่าการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างไทย–กัมพูชา–สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญที่พลิกโฉมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริบทของการสร้างสันติภาพหลังจากความตึงเครียดทางชายแดนไทย-กัมพูชาที่ดำเนินมายาวนานตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว

การที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย เข้ามามีบทบาทในการยุติความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาความมั่นคงในเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบและความจริงใจทางการเมืองในฐานะรัฐบาลเพื่อการสร้าง เจตจำนงแห่งสันติภาพ อย่างแน่วแน่ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทูตเชิงสมานฉันท์ยึดประโยชน์ของชาติและความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ก่อนหน้าการเข้ามาบริหารประเทศของรัฐบาลภูมิใจไทย ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาถูกครอบงำด้วยความไม่ไว้วางใจซึ่งสั่งสมมาเป็นเวลานาน ความขัดแย้งเกี่ยวกับเขตแดน ส่งผลให้ทั้งสองประเทศต้องสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและความร่วมมือในระดับภูมิภาค ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลระหว่างผู้นำทางการเมืองในอดีตที่มีลักษณะของความใกล้ชิดกลับถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและผลประโยชน์ทับซ้อนมีวาระซ่อนเร้นอำพรางทำให้การดำเนินการขาดความน่าเชื่อถือ

ข่าวที่น่าสนใจ

ในบริบทเช่นนี้การขึ้นมาของพรรคภูมิใจไทยในปี 2567–2568 จึงเป็นจุดเปลี่ยนเชิงนโยบายที่สำคัญรัฐบาลได้วางแนวทางใหม่ในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยยึดหลักความเป็นอิสระ โปร่งใส และปลอดจากแรงจูงใจส่วนตน การทูตของรัฐบาลชุดนี้จึงมุ่งเน้น ความร่วมมือเพื่อสันติภาพมากกว่าการแข่งขันทางอำนาจและให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมระหว่างประเทศ มากกว่าผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

หัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์สันติภาพที่รัฐบาลนำเสนอ คือ ความจริงใจและความโปร่งใสในการเจรจา การเปิดเผยข้อมูลของข้อตกลงต่อสาธารณชน และการยืนยันว่าไม่มีส่วนใดที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในเชิงอธิปไตยหรือเศรษฐกิจ ล้วนสะท้อนถึงความมั่นคงทางจิตใจของรัฐบาลที่ยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติ

ข้อตกลงนี้เน้นหลักการสำคัญของ ความเสมอภาคแห่งรัฐ และการเคารพเขตแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยกำหนดให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ร่วมภายใต้กรอบอาเซียนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแทรกแซงจากภายนอกโดยตรง และยังเป็นการยืนยันว่าไทยต้องการสร้างสันติภาพบนฐานของความร่วมมือและความไว้วางใจ ไม่ใช่บนแรงกดดันหรือผลประโยชน์ฝ่ายเดียว

รัฐบาลยังได้ขับเคลื่อนแนวทางเศรษฐกิจสันติภาพชายแดน(Border Peace Economy) เพื่อเปลี่ยนพื้นที่แห่งความขัดแย้งให้กลายเป็น พื้นที่แห่งโอกาสโดยเฉพาะจังหวัดสระแก้ว บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ ที่มีศักยภาพเชื่อมโยงเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานกับกัมพูชา แนวทางนี้ไม่เพียงสร้างรายได้และการจ้างงาน แต่ยังทำให้ประชาชนทั้งสองฝั่งรู้สึกเป็นมิตรและพึ่งพากันได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นรากฐานของสันติภาพที่ยั่งยืน

จุดเด่นอีกประการของรัฐบาลคือ การทำให้การทูตกลายเป็นเรื่องของประชาชนอย่างแท้จริง การเปิดเผยเนื้อหาของข้อตกลงไทย–กัมพูชา–สหรัฐฯ อย่างครบถ้วน ถือเป็นสัญญาณของความโปร่งใสทางนโยบายที่ไม่เคยปรากฏชัดประชาชนสามารถรับรู้ ตรวจสอบ และทำความเข้าใจได้ว่าข้อตกลงนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างสันติภาพ ไม่ใช่การยอมอ่อนข้อให้ต่างชาติ

การเปิดเผยเช่นนี้ช่วยสร้าง ความสบายใจทางการเมืองให้กับประชาชนในวงกว้าง และทำให้รัฐบาลได้รับความไว้วางใจมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ เพราะความโปร่งใสกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมความชอบธรรมของรัฐ

 

ในเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินนโยบายของรัฐบาลภูมิใจไทยสะท้อนแนวคิด สันติภาพที่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ร่วมมากกว่าการยุติความขัดแย้งเพียงชั่วคราว รัฐบาลเลือกเข้าร่วมความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาโดยรักษาความสมดุลกับอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้ไทยถูกมองว่าเข้าข้างมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง การวางตัวเช่นนี้สะท้อนถึง ความเป็นกลางเชิงยุทธศาสตร์ที่เน้นการรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก

รัฐบาลภูมิใจไทยจึงมองสันติภาพไม่ใช่เพียงเป้าหมายระยะสั้น แต่เป็น กลไกการพัฒนาแห่งอนาคตที่จะนำพาภูมิภาคไปสู่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และมนุษยธรรมร่วมกัน

รัฐบาลได้สร้างแบบอย่างใหม่ของการเมืองระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนความจริงใจ ความโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่าการเมืองแห่งการต่อรองผลประโยชน์ การยุติสงครามชายแดนไทย–กัมพูชาไม่เพียงเป็นชัยชนะของนโยบายต่างประเทศเท่านั้น หากยังเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่นว่าการเมืองแบบเปิดเผยและปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อน สามารถสร้างสันติภาพได้จริง

รัฐบาลจึงพิสูจน์ให้เห็นว่าสันติภาพไม่ได้เกิดจากอำนาจ หากเกิดจากความจริงใจของผู้มีอำนาจและด้วยแนวทางเช่นนี้ ประเทศไทยไม่เพียงฟื้นฟูความไว้วางใจจากประชาชนและประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถยืนหยัดในฐานะศูนย์กลางแห่งสันติภาพและความร่วมมือของอาเซียนได้อย่างมีศักดิ์ศรีและยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“บิ๊กเล็ก” เผยไทย-กัมพูชา วางไทม์ไลน์ 6 สัปดาห์ 3 เฟส ถอนอาวุธหนักชายแดน เก็บกู้ทุ่นระเบิดแยกเก็บเขตตัวเอง
นนทบุรี หนุ่มวัย 45 ปี ทุกข์หนัก ยืมรถลูก ส่งเพื่อนขึ้นรถไปรบชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกนักธุรกิจสาวขับเบนซ์หรูพุ่งชนท้าย ไร้การติดต่อ
“พระปีนเสา” ร้องถูกข่มขู่ทำร้าย ขณะร่วมพิธีบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิด พระเกจิดัง ที่วัดกาฬสินธุ์ ซ้ำถูกทัวร์ลงฉ่ำในโซเชียลฯ
ผักตบชวาอัดแน่นแม่น้ำปากพนัง ชาวบ้านเดือดร้อนวอนรัฐเร่งแก้
นายกฯญี่ปุ่นเสนอชื่อทรัมป์ชิงโนเบลสันติภาพ
'​ลิซ่า' โพสต์พระฉายาลักษณ์สุดงดงาม น้อมแสดงความอาลัย “สมเด็จพระพันปีหลวง” ทั่วโลกได้รับรู้

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​