“ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” ประชุมผบ.เหล่าทัพนัดแรก ชูรักษาอธิปไตยไทย-เขมร ตามแผนจักรพงษ์ฯ

"ผู้บัญชาการทหารสูงสุด" ประชุมผบ.เหล่าทัพนัดแรก ชูรักษาอธิปไตยไทย-เขมร ตามแผนจักรพงษ์ฯ

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ นัดแรก โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟืองจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต่อมาทีมโฆษก เหล่าทัพ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมดังต่อไปนี้

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพบกซึ่งยังคงให้ความสำคัญสูงสุดในการป้องกันและรักษาความมั่นคงภายในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามกรอบคำสั่งจักรพงษ์ภูวนารถทั้งในพื้นที่ของกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา รวมถึงได้มีการประสานแผนการปฏิบัติกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด กองทัพเรือเพื่อให้การปฏิบัติภาพรวมมีความสอดคล้องกันและมีประสิทธิภาพ

สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญของกองกำลังสุรนารีและกองกำลังบูรพาในปัจจุบัน ยังดำรงการเฝ้าตรวจและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิด และการเสริมความมั่นคงและการจัดระเบียบพื้นที่ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ในบริเวณพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดน เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่อยู่ในเขตพื้นที่ เส้นปฏิบัติการของฝ่ายไทย หรืออยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายไทย และมีการปรับปรุงเส้นทางทางยุทธวิธีเพื่อส่งกำลัง และเพื่อใช้ในการเฝ้าตรวจพื้นที่ชายแดน รวมถึงมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่เพื่อให้หน่วยนั้นมีความพร้อมรบเสมอ

พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมามีการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้า ภายหลังการปฏิบัติภารกิจโดยได้จัดค่ายพักผ่อนในพื้นที่มณฑลทหารบกจำนวน 3 แห่ง มทบ.22, มทบ. 25 มทบ.26 เพื่อให้กำลังพลได้พักผ่อนและผ่อนคลาย พร้อมทั้งยังมีการหมุนเวียนให้กำลังพลบางส่วนได้หมุนเวียนลาพักตามวงรอบและยังคงรักษาระดับความพร้อมรบไว้อย่างเต็มขีดความสามารถ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับประเด็นต่อมาเป็นขับเคลื่อนการปฏิบัติที่สำคัญในประเด็นที่ไทย-กัมพูชาได้มีความเห็นชอบร่วมกันผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา( JBC) และคณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท วันที่ 25-28 ต.ค.นี้ โดยเรื่องที่สำคัญคือเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ในจังหวัดสระแก้ว การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์สแกมเมอร์ทางออนไลน์ โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อเรื่องนี้ในทุกภาคส่วน

พล.ต.วินธัย ระบุต่อว่า สำหรับแผนถอนอาวุธหนัก ออกจากพื้นที่ชายแดน ผลสืบเนื่องจากการประชุมGBC ซึ่งมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 2 ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับกับภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา สุดท้ายกองทัพบกในปกป้องอธิปไตยของชาติ และดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้ได้อย่างเต็มขีดความสามารถอย่างดีที่สุด

พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ในส่วนของกองทัพเรือ ได้นำเสนอแผนการเตรียมความพร้อมต่อการปฎิบัติภัยคุกคามททางด้านพื้นที่ตะวันออก โดยที่ประชุมในวันนี้กองทัพเรือได้รับมอบภารกิจในการดูแลอธิปไตยทางบกและทางทะเลที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดรวมถึงการดูแลการคมนาคมอย่างเสรีทางทะเลในพื้นที่ โดยกองทัพเรือได้ชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติในสถานการณ์ปกติไปจนถึงสถานการณ์วิกฤตได้ในขั้นปฏิบัติการ เพื่อนำเรียนถึงความพร้อมของกองทัพเรือในการใช้กำลังทางบกและทางเรือในการปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบโดยสรุปทางกองทัพเรือมีความพร้อมขึ้นตามลำดับโดยที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้กำหนดนโยบายในปี 2569 ให้เป็นปีการพร้อมรบของกองทัพเรือ ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการใช้กำลังในปีนี้

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า ในส่วนของกองทัพอากาศ ได้นำเสนอแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อรับมือไปคุกคามด้านตะวันออก โดยเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารอากาศ ไม่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติการ คือ การที่เราสามารถใช้กำลังทางอากาศ และการสนับสนุนกำลังรบของกองทัพไทย ซึ่งอยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศชาติ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยุติการใช้กำลังต่อฝ่ายไทย และพลเรือนโดยเร็ว ทั้งนี้มีการเตรียมกำลังทางอากาศ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการรบของกองทัพไทย ในการบูรณาการกำลังรบ เพื่อก่อให้เกิดการได้เปรียบในการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายไทย ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ
1.ต้องไม่เกิดการสูญเสียต่อพลเรือนทั้งสองฝ่าย
2.ต้องไม่มีการโจมตีฝ่ายเดียวกัน
3.ต้องไม่สูญเสียกำลังทางอากาศในการปฏิบัติภารกิจ

 

 

 

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า ได้มีการกำหนดสภาวะสุดท้ายที่ต้องการ คือ ฝ่ายตรงข้ามยุติความพยายามในการรุกล้ำประชาธิปไตยของไทยออกจากพื้นที่ และฝ่ายเราสามารถสถาปนาที่ตั้งในพื้นที่ที่กำหนดได้ กองทัพอากาศได้ออกคำสั่งพิทักษ์จักรพงษ์ ในการใช้กำลังทางอากาศทั้งมิติทางอากาศมิติไซเบอร์ และมิติอวกาศในการสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทย

ในมิติของทางอากาศนั้นกองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมรบ พร้อมอากาศยาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง เครื่องบินลาดตระเวนตรวจการ และระบบอากาศยานไร้คนขับในการสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับกองทัพไทยและการโจมตีเป้าหมายในพื้นที่สำคัญรวมทั้งเป้าหมายอื่นๆต่อการดำเนินกลยุทธ์ของฝ่ายไทย

ทั้งนี้ในการเกิดการปะทะกันนั้นไม่ว่าจะเป็น กองกำลังบูรพากองกำลังจะพัฒนาดีหรือกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด เมื่อได้รับการร้องขอเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของกองทัพไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของมิติไซเบอร์นั้น กองทัพอากาศได้ปฏิบัติการข่าวกรองทางไซเบอร์การปฏิบัติการทางไซเบอร์ทางลับเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และปฏิบัติการเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่องก่อนเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้ง ท้ายที่สุดในมิติของทางอวกาศ ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายไทย ซึ่งได้รายงานให้กับกองทัพไทยรับทราบเพื่อเตรียมการรองรับต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตรังกินเจคึกคัก! คนแห่ทานอาหารเจโรงทานศาลเจ้าเปากงกว่า 3-4 พันคนต่อวัน
"ซาบีดา" ร่วมคณะนายกฯ มอบนโยบายข้าราชการ เน้นย้ำต้องทำทุกจังหวัดเป็นพื้นที่สร้างรายได้ มาแล้วต้องปลอดภัย ให้กระบี่โกอินเตอร์ให้ได้
ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมชายควงมีดใกล้สถานทูตสหรัฐ
“วิ่งไป เที่ยวไป กับแม่บ้านมหาดไทย” สร้างสุข กระตุ้นท่องเที่ยวชุมชนบางปู
ตร.ไซเบอร์ เร่งรวมหลักฐาน ขอหมายจับ ‘ลี ยง พัด’ คนสนิท ‘ฮุน เซน’เอี่ยวขบวนการสแกมเมอร์-แก๊งคอลฯ หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตร ประสานขอข้อมูล ‘ปริ้นกรุ๊ป’ จากนานาประเทศ
สาวผวาลูกเกลี้ยงถอดสลักวางขอบหน้าต่างห้องนอน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​